ดีเอพีพีแตกธุรกิจจับตลาดบีทูบี รับจ้างผลิตยูนิฟอร์ม/เสื้อผ้าแบรนด์ลูกค้าสบช่องไร้คู่แข่ง

14 พ.ค. 2559 | 07:00 น.
แบรนด์ดีเอพีพี แตกธุรกิจใหม่จับกลุ่มลูกค้าองค์กร รับจ้างผลิตชุดยูนิฟอร์มและเสื้อผ้าสำหรับแบรนด์ลูกค้า หลังเห็นโอกาสทางการตลาดยังไม่มีผู้เล่นทำตลาดชัดเจน ชูบริการวันสต๊อปเซอร์วิส หวังกระตุ้นยอดรายได้ 15%

[caption id="attachment_51765" align="aligncenter" width="503"] ศิริทิพย์ ศรีไพศาล  ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์แบรนด์ดีเอพีพี (DA+PP) บริษัทแดพเพอร์ เจ็นเนอรัล อะแพเร็ล จำกัด ศิริทิพย์ ศรีไพศาล
ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์แบรนด์ดีเอพีพี (DA+PP) บริษัทแดพเพอร์ เจ็นเนอรัล อะแพเร็ล จำกัด[/caption]

นางสาวศิริทิพย์ ศรีไพศาล ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์แบรนด์ดีเอพีพี (DA+PP) บริษัทแดพเพอร์ เจ็นเนอรัล อะแพเร็ล จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ตั้งหน่วยธุรกิจใหม่เพื่อทำตลาดในลักษณะบีทูบี เพื่อจับตลาดลูกค้าองค์กรที่ต้องการใช้ชุดยูนิฟอร์ม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องการมีไลน์ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเพื่อต่อยอดธุรกิจ เนื่องจากมองเห็นโอกาสทางการตลาด ที่ปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการที่เป็นแบรนด์สินค้าเข้ามาทำธุรกิจนี้อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงาน หรือ ดีไซเนอร์ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มจะถนัดเฉพาะด้าน เช่น โรงงานก็จะรู้เรื่องการผลิต ราคา ต้นทุน แต่ไม่เข้าใจการออกแบบดีไซน์ ทำให้ดีเอพีพี เข้ามาทำตลาดในกลุ่มลูกค้าองค์กร เนื่องจากมีทักษะทั้ง 2 ส่วน คือใช้องค์ความรู้ด้านงานดีไซน์ ไปจนถึงการคิดราคาต้นทุน การผลิต จนสามารถพัฒนาสินค้ายูนิฟอร์ม ที่ตรงกับความต้องการของแบรนด์หรือองค์กรนั้นได้

ทั้งนี้บริษัทไม่ได้ลงทุนเพิ่มสำหรับธุรกิจแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่เน้นลงทุนด้านการตลาดเพื่อทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งแนวทางการทำตลาดได้ เตรียมเปิดตัวเว็บไซต์ www.dappuniform.com เพื่อโปรโมตและรองรับลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ มีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน ธุรกิจข้ามชาติ กลุ่มลูกค้าแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มไลน์สินค้า ทั้งนี้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกประเภทในเรื่องของการออกแบบ โดยใช้แนวคิดด้านแบรนดิ้งและการตลาดเข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสรรค์งานออกแบบให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

[caption id="attachment_51764" align="aligncenter" width="500"] KFC by DA+PP KFC by DA+PP[/caption]

สำหรับการให้บริการจะเป็นรูปแบบวันสต๊อปเซอร์วิส ทั้งด้านการออกแบบ การหาวัตถุดิบ การผลิต และการดูแลหลังการขาย รวมถึงช่วยคิดวิเคราะห์ในส่วนของแบรนดิ้ง และอัตลักษณ์ขององค์กร ที่เป็นส่วนสำคัญให้งานออกแบบนั้นออกมาตรงใจกลุ่มลูกค้ามากที่สุด ซึ่งบริษัทจะนำเสนอในราคาที่สมเหตุสมผลและสามารถยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยวางเป้าหมายที่จะสร้างธุรกิจใหม่ให้เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ของทุกหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ ที่ต้องการความช่วยเหลือเรื่องการออกแบบและผลิตเสื้อผ้าชุดเครื่องแบบ หรือขยายไลน์สินค้า ซึ่งในอนาคตคาดหวังว่าจะสามารถขยายตลาดได้มากขึ้นไม่เพียงแค่การออกแบบชุดเสื้อผ้า แต่สามารถออกแบบและผลิตสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น

นางสาวศิริทิพย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีฐานลูกค้าเป็นแบรนด์และองค์กรชั้นนำ อาทิ เคเอฟซี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไลน์ วิลเลจ แบงค็อก และกาแฟดอยตุง ซึ่งปัจจุบันหน่วยธุรกิจใหม่สามารถสร้างรายได้ 20% ของรายได้รวมของแบรนด์ดีเอพีพี และคาดว่าหน่วยธุรกิจใหม่จะสามารถสร้างการเติบโตได้ 15% ของรายได้ในภาพรวม ส่วนภาพรวมของธุรกิจช่วง 4 เดือนแรกนี้มีการเติบโต 5% จากปีที่ผ่านมา

“ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการดำเนินงานนั้น มีทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจ ภาพรวมของประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมไปถึงภัยธรรมชาติ ที่ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของประชาชน โดยใน 2 เดือนแรกการดำเนินงานค่อนข้างดี แต่ชะลอตัวลงในช่วง 2 เดือนหลัง ที่เศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้การจับจ่ายของประชาชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาหาสินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทย ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นทำให้ยอดขายไม่เติบโตมากเท่าที่ควร และการแข่งขันของแบรนด์ต่างๆ ที่มีการลดราคาเพื่อดึงดูดใจลูกค้ารวมไปถึงห้างสรรพสินค้า ที่มีการนำสินค้าที่มีราคาค่อนข้างต่ำเข้ามาขายในพื้นที่ก็ส่งผลให้ต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรับมือกับปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ด้วย”

ส่วนแนวโน้มธุรกิจแฟชั่นในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตเพียงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้าด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งภาวะทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภัยธรรมชาติต่างๆ ซึ่งกลุ่มสินค้าที่มีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก คือ กลุ่มสินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่นกีฬา ที่เน้นด้านการออกแบบให้เป็นสินค้าแฟชั่นแฝงความสปอร์ตไว้บ้าง เพราะในปัจจุบันนั้นคนหันมาออกกำลังกายมากขึ้น มีเทรนด์รักสุขภาพเกิดขึ้น ฉะนั้นสินค้าในหมวดหมู่นี้จึงน่าจะได้รับความนิยมและสามารถเติบโตได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,156 วันที่ 12 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559