แตกบริษัทใหม่ต่อยอดเป้าพันล. ไพร์มเมดิกาฯปลื้มต่างชาติสนใจซื้อแฟรนไชส์ความงาม

07 พ.ค. 2559 | 10:00 น.
ไพร์มเมดิกากรุ๊ป วางเป้า 3 ปีทำรายได้ทะลุ พันล้าน หลังนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ สนใจลงทุนซื้อแฟรนไชส์ เตรียมเปิดโมเดล “เอลิส พอลลิน บิวตี้เซ็นเตอร์” ต่อยอดสินค้าเวชสำอางและคลินิกศัลยกรรมความงาม ขณะที่สินค้าแบรนด์เอลิส พอลิน นักธุรกิจนอร์เวย์และจีนซื้อสินค้าทำตลาดเพิ่ม

นางอลิสา อินทเสนี ประธานกรรมการบริหาร ไพร์มเมดิกากรุ๊ป ผู้ให้บริการธุรกิจความงามครบวงจร เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้ตั้งเป้าหมายรายได้กลุ่มธุรกิจความงามในระยะ 3 ปีนับจากนี้ คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจที่บริษัทดำเนินการอยู่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งสนใจซื้อแฟรนไชส์และลิขสิทธิ์เพื่อนำไปเปิดสาขาในต่างประเทศ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ล่าสุด จัดตั้งบริษัท ไพร์มคอสเมค จำกัด ขึ้นมาดำเนินธุรกิจศูนย์ความงาม (Beauty Center) ภายใต้ชื่อ อลิสพอลลิน บิวตี้เซ็นเตอร์ เพื่อให้บริการด้านความงามแบบครบวงจร รวมถึงการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์จากประเทศเยอรมันและสหรัฐอเมริกา เพื่อจำหน่ายให้กับคลินิก สถานบริการความงาม โรงพยาบาล รวมถึงคลินิกทันตกรรมต่างๆ ด้วย ทำให้กลุ่มไพร์มเมดิกามีธุรกิจด้านความงามครบวงจร จากก่อนหน้านี้เปิดให้บริการคลินิกความงามและการศัลยกรรมความงามเจดับเบิ้ลยู ประเทศไทย ที่ได้ร่วมกับโรงพยาบาลศัลยกรรมเจดับเบิ้ลยู จากประเทศเกาหลี (JW Plastic Surgery Korea) และบริษัท อินตัน กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอาง และอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ เอลิส พอลิน

ปัจจุบันตลาดความงามถือว่ามีการแข่งขันกันรุนแรง เป็นลักษณะตลาดเรดโอเชียน แต่การสร้างแบรนด์และทำตลาดต้องมีจุดยืนที่แตกต่าง ขณะที่นักลงทุนที่สนใจในธุรกิจความงามจะมองหาแบรนด์สินค้าที่มีความแข็งแกร่งและมีโอกาสการเติบโต ซึ่งหากจะลงทุนในแบรนด์ต่างชาติหรือแบรนด์ขนาดใหญ่อาจจะสร้างการเติบโตได้ไม่มากพอ จึงมองหาโอกาสในแบรนด์ที่อยู่ในจังหวะการเติบโต ทำให้มีนักธุรกิจสนใจที่จะเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ของบริษัทไปดำเนินธุรกิจจำนวนมาก

“เอลิสพอลลิน บิวตี้เซ็นเตอร์ เตรียมจะเปิดตัวช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ที่สยามสแควร์ ซึ่งจะเป็นศูนย์ให้บริการความงามครบวงจร มีเครื่องมือที่ทันสมัย แต่ไม่มีการทำศัลยกรรม เป็นโมเดลธุรกิจที่เข้ามาเสริมกับธุรกิจของบริษัทที่มีอยู่แล้ว คือ คลินิกศัลยกรรมความงาม ผลิตภัณฑ์เวชสำอางและอาหารเสริม ซึ่งขณะนี้ได้มีนักธุรกิจจากต่างประเทศให้ความสนใจที่จะนำธุรกิจไปเปิดในต่างประเทศ แต่บริษัทยังไม่สามารถขายแฟรนไชส์ได้ เพราะอยู่ระหว่างการเซ็ตระบบภายในและราคาเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ แต่มองเห็นว่าแนวโน้มความต้องการของนักลงทุนที่สนใจมีอย่างต่อเนื่อง”

ขณะที่สินค้าแบรนด์เอลิส พอลิน ตอนนี้ได้มีผู้ให้ความสนใจซื้อแฟรสไชส์ในประเทศแล้ว 18 ราย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ส่วนตลาดต่างประเทศปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าแล้ว 10 ราย ล่าสุดมีนักธุรกิจจากประเทศนอร์เวย์เข้ามาซื้อสินค้าไปจำหน่าย และมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีน ที่เตรียมนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในประเทศจีนด้วย เบื้องต้นจะทำตลาดใน 3 มณฑลของจีนโดยรูปแบบจะเปิดร้านจำหน่ายและขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ คาดว่าจะสามารถทำยอดขายปีแรกได้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

นอกจากตัวแทนจำหน่ายที่ซื้อสินค้าไปจำหน่ายแล้ว ยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจในการเปิดศูนย์ความงามหรือคลินิกความงามได้ต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน และยังสามารถปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับการทำตลาดในแต่ละประเทศอีกด้วย ซึ่งบริษัทแม่จะเป็นผู้สนับสนุนทางด้านการตลาดเพื่อสร้างการเติบโตให้กับตัวแทนจำหน่าย ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าใน 3 บริษัทจะมีรายได้รวมกัน 250 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากแบรนด์เอลิส พอลิน 170 ล้านบาท คลินิกศัลยกรรมความงาม 50 ล้านบาท และเอลิส พอลินบิวตี้เซ็นเตอร์อีก 30 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 - 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2559