จากงานเสวนาหัวข้อ "สู้ภัยแล้ง กู้เกษตร กู้เศรษฐกิจ" ที่ผ่านมา ของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีมคอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งยังคงส่งผลยืดเยื้อ แม้ฝนจะมีตกในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แต่น้ำในเขื่อนยังคงไม่เพียงพอกับการเพาะปลูกข้าวนาปรังในฤดูกาลต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 22 จังหวัดภาคกลาง แนวทางแก้ไขเพื่อเป็นการประหยัดน้ำในฤดูแล้ง ที่ดินที่มีความเหมาะสมสำหรับปลูกพืชไร่ประมาณ 8 ล้านไร่กว่า ควรปรับไปปลูกพืชไร่ เพราะทำให้ได้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท ต่อฤดู และยังทำให้ประหยัดการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ในฤดูแล้งได้ไม่น้อยกว่า 2,700 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อฤดูกาลเพาะปลูก
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้ง จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ เป็นมูลค่า 84,000 - 90,000 ล้านบาท ทำให้พืชผลเกษตรได้รับความเสียหาย และการจับจ่ายของประชาชนในภาคครัวเรือนลดลง 33,000 ล้านบาท
