เข้าสู่วันที่ 2 ของการลงทะเบียนในโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ทาง www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com และ "แอปฯเป๋าตัง" ล่าสุดเวลา วันนี้ 22 มิ.ย. 2564 เวลา 20.00 น.ยังเหลือ 3,673,695 สิทธิ จาก 4 ล้านสิทธิ
โดยนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยเกี่ยวกับการลงทะเบียนโครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ ที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้มีรายได้สูงออกมาจับจ่ายใช้สอย วันละไม่เกิน 5,000 บาท โดยใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาท ได้รับ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาท ซึ่งยอมรับว่ามีผู้เข้ามาลงทะเบียนน้อย
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า สาเหตุที่คนลงทะเบียนน้อยน่าจะเป็นเพราะคนมีรายได้สูงอาจจะต้องการช่วยรัฐบาลประหยัดงบประมาณ ส่วนหลังจากนี้หากยังมีงบประมาณเหลือจากโครงการดังกล่าว ก็จะเกลี่ยงบฯ ไปใช้ในโครงการอื่นเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มเติม เช่น คนละครึ่ง และช้อปช่วยชาติหรือไม่นั้น ยังไม่ได้พิจารณาในเรื่องดังกล่าว
ส่วนกรณีที่มีเอกชนเสนอให้เพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง จากเดิม 3,000 บาท เพิ่มเป็น 6,000 บาทนั้น จะต้องมีการไปหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อีกครั้งว่าจะบริหารงบฯ จาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ อย่างไร
เนื่องจากขณะนี้มีหลายฝ่ายมีข้อเสนอขอใช้งบฯ เข้ามา ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และอื่นๆ ซึ่งก็จะพิจารณาว่าจะมีงบฯ เหลือเพื่อนำมาใช้ในโครงการคนละครึ่งมากน้อยอย่างไร
สำหรับโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. ผ่านทางเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่านแอปฯ เป๋าตัง สำหรับผู้ที่เคยได้รับสิทธิโครงการหรือมาตรการรัฐที่ใช้แอปฯเป๋าตังพร้อมผูก G-Wallet
โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” คืออะไร
เป็นการใช้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการ เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) และสินค้าหรือบริการที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า
เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” สำหรับประชาชน
1. จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน
2. มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
3. ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ(ผ่านบัตรประชาชน) หรือ โครงการคนละครึ่งเฟส3
สำหรับสิทธิประโยชน์และการใช้จ่าย คือ รัฐบาลจะสนับสนุน E-Voucher จากการใช้จ่ายดังนี้
• ค่าอาหาร
• ค่าเครื่องดื่ม
• ค่าสินค้า
• ค่าบริการ สปา/นวด/ทำผม/ทำเล็บ
แต่ไม่รวมลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และบัตรกำนัล (gift voucher) บัตรเงินสด (gift card) หรือสินค้าบริการอื่นๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า
โดยรัฐบาลจะให้สิทธิ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อคนสูงสุด 60,000 บาท โดยกำหนดให้ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher จะไม่เกิน 5,000 บาท/วัน “การกำหนดยอดใช้จ่ายเพื่อคำนวณสิทธิไม่เกิน 5,000 บาท เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายหมดภายในวันเดียว และเพื่อไม่ให้การใช้จ่ายกระจุกตัวอยู่เพียงที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งระยะเวลาการใช้จ่ายที่จะได้รับ E-Voucher มีระยะเวลาถึง 3 เดือน คือตั้งแต่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 64 และประชาชนสามารถใช้ e-Voucher ได้ตั้งแต่เดือน ส.ค. – 31 ธ.ค. 64 รวม 5 เดือน”
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” จะต้องชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน G-wallet บนแอปฯเป๋าตัง ซึ่งจะต้องเติมเงินเข้าไปที่ G-wallet เพื่อใช้จ่ายในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 64 โดยจะแบ่งการใช้จ่าย
• ยอดใช้จ่าย 1 – 40,000 บาท จะได้คืน 10% สูงสุด 4,000 บาท
• ยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 40,001 – 60,000 บาท จะได้คืน 15% สูงสุด 3,000 บาท ซึ่งจะได้รับ E-Voucher ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป และสามารถใช้สิทธิได้ถึง 31 ธันวาคม 2564
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มกว่า 5 แสนราย ที่สามารถเข้าร่วมได้ ดังนี้ ร้านค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือ ร้านค้านิติบุคคล ที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT แล้วเท่านั้น สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่ เว็บไซต์ www.ถุงเงินกรุงไทย.com ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น.ของทุกวัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง