พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ฤกษ์ศุกร์ที่ 18 มิ.ย.2564 นี้ จัดประชุมใหญ่ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น จ.ขอนแก่น
การประชุมใหญ่ครั้งนี้ น่าจับตาวาระสำคัญคือ การปรับเปลี่ยน “กรรมการบริหารพรรค” ซึ่งจะมีการคัดเลือกคนใหม่มาแทน “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” และ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” 2 ส.ส.กลุ่ม กปปส.ที่ต้องหลุดออกจากตำแหน่งไป
เป็นการประชุมใหญ่เพื่อเตรียมการรองรับ “การเลือกตั้ง” ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
และ อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนตัว “เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ” จาก “อนุชา นาคาศัย” เลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน
โดยมีแคนดิเดตที่สำคัญคือ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.กระทรวงเกษตรฯ ส.ส.พะเยา รองหัวหน้าพรรค พปชร.
+ข้อบังคับ พปชร.
หลังกำหนดการประชุมใหญ่พรรคออกมาชัดเจนเพียงวันเดียว เช้าวันที่ 11 มิ.ย. “เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย” จูงมือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร เข้าพบนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
ส่งผลให้กระแสการเปลี่ยน “เลขาธิการพรรค พปชร.” ร้อนแรงขึ้น แม้จะมีเสียงจาก อนุชา แจกแจงว่าเก้าอี้แม่บ้านพรรค ทางหัวหน้าพรรค (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นผู้ที่จะตัดสินใจสุดท้ายก็ตาม
หากย้อนดูข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ กำหนดให้การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ต้องดำเนินการในที่ประชุมใหญ่พรรค ไม่น้อยกว่า 250 คน การลงมติให้ถือเสียงข้างมาก
ทั้งนี้องค์ประกอบ การประชุมใหญ่ ประกอบด้วย
1.กรรมการบริหารพรรค ปัจจุบันมี 27 คน
2.ผู้แทนสาขาพรรคไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสาขาพรรค ในจำนวนนี้ต้องประกอบด้วย ผู้แทนของสาขาพรรค ไม่น้อยกว่า 2 สาขา ที่ต้องมาจากต่างภาคเดียวกัน ปัจจุบันมี 4 สาขาพรรค หรือประมาณ 80 คน
3.ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของตัวแทนพรรคประจำจังหวัด
และ 4.สมาชิกพรรค รวมถึง ส.ส. ซึ่งปัจจุบันมีเสียงส.ส. 121 เสียง แต่หัก พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ถูกตัดสินจำคุกนาน 7 ปี จึงเหลือ ส.ส.120 คน
ส่วนขั้นตอนการเสนอชื่อผู้เข้ารับการเลือกตั้งเป็น หัวหน้าพรรค เลขาธิการ เหรัญญิก นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง แต่ละตําแหน่ง ต้องมีผู้เข้าร่วมประชุมรับรองไม่น้อยกว่า 30 คน และให้ที่ประชุมเลือกตั้งทีละตําแหน่งเป็นลําดับไป และให้ใช้บัตรลงคะแนนเลือกตั้งโดยการ “ลงคะแนนลับ”
จากข้อบังคับพรรคดังกล่าว กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จึงอยู่ที่สมาชิกพรรค และ ส.ส. ไม่แปลกที่ "เสี่ยแฮงค์" กับ “ผู้กองมนัส” ต้องประลองกำลังด้วยการระดม ส.ส.และสมาชิกพรรค เพื่อโหวตหนุนตนเองในการประชุมใหญ่ที่จังหวัดขอนแก่น ให้มากที่สุด
+วัดกำลัง“ธรรมนัส-อนุชา”
เป็นที่รู้กันดีว่าในพลังประชารัฐ มีกลุ่มหนุน “ร.อ.ธรรมนัส” ท้าชิงเก้าอี้เลขาธิการพรรค นำโดย สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง แกนนำกลุ่มเพชรบูรณ์, นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และ อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.แรงงาน ที่มี วิรัฐ รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล จากกลุ่มโคราช
ร.อ.ธรรมนัส มีส.ส.ในสังกัดจากภาคเหนือ (ยกเว้น กำแพงเพชร) ประมาณ 10 คน
กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ที่ ร.อ.ธรรมนัส ดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ นครศรีธรรมราช สงขลา และ ภูเก็ต
ถ้ารวม ชาญวิทย์ วิภูศิริ ส.ส.กทม. และ จักรพันธุ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. กลุ่ม กปปส. ว่ากันว่า “กลุ่มร.อ.ธรรมนัส” มีเสียงส.ส.ในสังกัดขณะนี้ราว 60 คน
บทบาท ร.อ.ธรรมนัส ที่ผ่านมาได้รับเสียงชื่นชมจากสมาชิกพรรค ได้ดูแล ส.ส.ในพรรคเป็นอย่างดี และยังสามารถขยายอิทธิพลผ่านกระบวนการ “เลือกตั้งซ่อม” ที่ทำให้ได้รับชัยชนะ ในหลายจังหวัด อาทิ จังหวัด ลำปาง กำแพงเพชร นครศรีธรรมราช และขอนแก่น
ตลอดจนการเตรียมศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ร.อ.ธรรมนัส จะเป็นผู้รับผิดชอบ
ไม่นับรวมบทบาทเป็นมือประสานกับทุกพรรคได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ "กลุ่มสามมิตร" ที่หนุน อนุชา นาคาศัย ให้นั่งเก้าอี้เลขาฯ พรรค ประกอบด้วย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน มียอดส.ส.สนับสนุนในมือราว 25 คน
ใครมีเสียงสนับสนุนมากกว่า ย่อมได้นั่งเก้าอี้ “แม่บ้านพรรค”
ที่สำคัญในพรรครู้ดีว่าใคร ใกล้ชิด “บิ๊กป้อม” ศูนย์อำนาจใหญ่ของพรรค
ประชุมใหญ่ศุกร์นี้ จึงน่าจับตาว่า “พลังประชารัฐ” จะจัดทัพรับการเลือกตั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร...
รายงานหน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3688 หน้า 12 ระหว่างวันที่ 17-19 มิ.ย.2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :