กทม.-ปริมณฑลพื้นที่ตัดสินสงครามโควิดระลอกสาม "อ.นิด้า" ชี้หากแพ้โดนระลอกสี่สายพันธุ์อินเดีย

14 มิ.ย. 2564 | 04:35 น.

อ.นิด้าเผยกทม.และปริมณฑลจะเป็นพื้นที่ตัดสินชัยชนะของสงครามโควิดระลอกสามใน 2-3 เดือนข้างหน้า ชี้หากแพ้โดนระลอกสี่จากสายพันธุ์อินเดีย

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า
    Covid-19: Update รอบบ้าน Global Highlight มองประเทศไทยในวันเปิดเทอมกับตัวเลขที่ใกล้ข้าม 200,000 เราจะไปหยุดที่ตรงไหน?
    เปิดเทอมแล้ว ผู้ปกครองส่วนใหญ่คงจะใจตุ้มๆต่อมๆ หลายจังหวัดมากครับที่ไปโรงเรียนได้ แต่ก็ยังต้องระวังอย่างมาก การ Seal จังหวัด 100% ทำได้ยากจริงๆครับ ถ้าไม่ใช่เกาะแบบภูเก็ต ส่วนกทม.และพื้นที่สีแดงต่างๆ คงได้เรียน Online กันอีกยาวนานครับ 
    ส่วนประเทศไทย คงไปถึง 300,000 แน่นอนครับ เป้าหมายตอนนี้เราคงต้องมองให้ไปหยุดที่ไม่เกิน 500,000 ให้ได้ครับ 
    เพื่อนบ้านใกล้ๆ:
    ไต้หวัน: 
    แม้จะมีข่าวดราม่าต่างๆมากมาย แต่ไต้หวันทำได้ดีมากๆ กราฟดีกว่า Best Case Scenario ครับ ไต้หวันยังคงเล่นแบบแชมป์ ค่า Time Constant ในการลดลงของ %Incrase ยังอยู่ที่ 9.1 และควรจะจบได้ในช่วงกลางถึงปลายก.ค. แบบ Zero New Case
    มาเลเซีย:
    National Lockdown ที่น่าผิดหวัง แม้จะผ่านมาแล้ว 12 วัน ได้ผลดีเพียงช่วงแรก กราฟ %Increase ลงมาได้ดีมากจนกระทั่งมาติดอยู่ที่ 1% Trap แล้วมีแนวโน้มที่อันตรายมากเพราะกราฟไม่ลงต่อมาหลายวันแล้ว ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดครับ สถานการณ์น่าจะจบยาก และอาจจะวิ่งไปแตะหลักล้านได้ จังหวัดชายแดนใต้คงต้องเข้มงวดอีกนานครับ 
    เวียดนาม:
    ข้าม 10,000 ไปแล้วอย่างง่ายดาย ด้วยการโจมตีของสายพันธุ์ผสม British & India; Alpha & Delta เวียดนามค่อนข้าง Underperform ทำได้แย่ลงกว่าครั้งก่อน ค่า Time Constant ของ %Increase ยาวขึ้นเป็น 12.4 และเกิด Cluster ย่อยๆขึ้นแล้วอย่างน้อย 2 ครั้งใน Wave#4 นี้ แต่โดยรวมยังเอาอยู่ครับ รัฐบาลเวียดนามยังไล่ตบกราฟลงได้เรื่อยๆ สถานการณ์ยังไม่บานปลายและมีแนวโน้มที่ดี ควรจะจบได้ แต่ใช้เวลายาวนานกว่าที่เคย
    กัมพูชา: 
    สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น มี Time Constant ยาวนานถึง 37.35 น่าจะยืดเยื้อไปอีกนาน และอาจจะมี Wave ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ตัวเลขคงไปอีกอย่างน้อยข้ามระดับ 60,000 ช่วงสิงหาแน่นอนครับ  
    Philippines:
    สถานการณ์กำลังแย่ลงอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่ยังแทบไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย ที่นี่สาหัสที่สุดในอาเซียน และยังคงเจ็บป่วยไปอีกนานครับ
    เมียนมา:
    ตัวเลขเริ่มกลับมาวิ่งขึ้นทั้งๆที่ตรวจน้อยมาก ส่งสัญญาณอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจครับ ผมยังแนะนำผู้ประกอบการเหมือนเดิมครับว่า แรงงานจากเมียนมา ห้ามนำเข้ามาโดยไม่คัดกรองเด็ดขาด ยังไม่ปลอดภัยไปอีกนานครับ
    Hightlight รอบโลก:
    UK: 
    ขึ้น Wave#3 แล้วอย่างชัดเจน AZ 1 เข็มในระดับประชากร >70% และเข็ม 2 ระดับ >50% ไม่เพียงพอที่จะหยุด Wave ใหม่จากสายพันธุ์ Delta นะครับ แต่ที่ UK น่าจะประสบความสำเร็จคือ Wave นี้น่าจะไม่ใหญ่โต และอัตราการเสียชีวิตน่าจะลดลงอย่างมากครับ ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตามองอย่างยิ่งที่นี่ เพราะสายพันธุ์ Delta กำลังบุกไปทุกที่ ที่นี่คือสนามรบที่จะบอกทิศทางของสงครามในที่อื่นๆครับ 
    US: 
    สถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สหรัฐจะชนะสงครามนี้อย่างเด็ดขาดในเร็ววันนี้อย่างแน่นอนครับ  ทุกวันนี้ New York, LA ก็ปลอดภัยกว่ากรุงเทพฯอย่างมากแล้วครับ
    India:
    ตัวเลขเริ่มดีขึ้นมาก แต่ปัญหาคือแค่ลงมาต่ำแสนต่อวันก็เริ่มดีใจและเริ่มผ่อนคลายแล้วครับ สงครามยังอีกยาวไกล แม้ Wave นี้เริ่มเข้าสู่ช่วงหางแล้ว และ %Increase ยังคงลดลงเรื่อยๆ แต่ New Case วันละ 80,000 เป็นหางที่ใหญ่มาก ขนาดหางของ Wave#1 ที่วันละ 10,000 เศษยังพาอินเดียมาหายนะได้ขนาดนี้ ตัวเลขระดับ 80,000 นี้ไม่สามารถวางใจได้เลยครับ 
    Brazil:
    ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลยครับ ทั้งตัวเลขคนติดเชื้อและคนเสียชีวิต แย่มากๆ
    Russia:
    กำลังเข้า Wave#3 อย่างช้าๆ ทั้งๆที่ยันมาได้หลายเดือนมาก ปัญหาของที่นี่คือ คน Anti Vaccine เพราะไม่ไว้ใจรัฐบาล เป็นปัญหาที่ใหญ่มากเพราะมันจะไม่จบเอาครับ
    South Africa:
    กำลังเข้าสู่ Wave#3 ที่น่าจะหนักหน่วง สงครามที่นี่คงไม่จบง่ายๆ สายพันธุ์ไวรัสของที่นี่ไม่ธรรมดา เราจะได้เห็นว่า Vaccine จะช่วยสู้ได้แค่ไหนกับสายพันธุ์นี้
    Europe:
    โดยรวมดีขึ้นมากแล้วนะครับ ถ้ายันได้เรื่อยๆและฉีดวัคซีนได้เร็วพอ แนวรบที่นี่ควรจะยุติได้ภายในไม่นานครับ 
    ประเทศไทย:
    ณ จุดนี้ เหมือนยืนอยู่ที่เดิม ไม่แพ้ ไม่ชนะ ไม่เดินหน้าไม่ถอยหลัง กราฟดูดีขึ้นเพียงนิดหน่อยจาก Cluster เรือนจำที่ลดลงไปมาก แต่จากการเกิด Cluster โรงงานอย่างต่อเนื่องทำให้ค่า Time Constant ยังอยู่ที่ระดับ ยาวไกลถึง 59 เป็นตัวเลขระดับที่ไม่มีวันจบได้เลยครับ ซึ่งตัวเลขเมื่อมองไปข้างหน้าเราคงข้าม 300,000 อย่างแน่นอน และ 500,000 คือสถานีที่เราคงจะต้องช่วยกันอย่างมากเพื่อไม่ให้ไปถึง กรุงเทพฯ ปริมณฑล จังหวัดที่มีโรงงานต่างๆ ถ้าวัคซีนไม่ลงไปมากพอภายใน 1-2 เดือนนี้ ผมคิดว่าเดือนสิงหาคม ยังคงจะเป็นเดือนที่น่ากังวลอย่างมากของการเข้าจู่โจมของ Wave#4 

กราฟสถานการณ์โควิดในประเทศไทย
    กรุงเทพฯ:
    ต้องเริ่มระมัดระวัง 2% Trap ครับ หลังจากหลุดจาก 5% Trap มาได้สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นอย่างช้าๆที่ Time Constant ของ %increase ที่ 27.5 แต่ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว เริ่มเห็นอาการหยุดนึ่งแถวๆ 2% ไม่ลงต่อครับ ซึ่งเป็นจุดที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เราไม่มีทางยัน Virus ที่ 2% ไปได้เรื่อยๆอย่างแน่นอน สักพักเราจะหมดแรงและมันจะระเบิดออกเป็น Wave ใหม่ 
    จุดตัดสินของสงคราม:
    พื้นที่กรุงเทพฯ ปริณฑล คือพื้นที่ตัดสินชัยชนะของสงครามในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ถ้าเราชนะ Wave#3 จะสิ้นสุดลง ถ้าเราแพ้ เราจะโดน Wave#4 ของสายพันธุ์ Delta (อินเดีย)
    ถ้าเราจะชนะ:
    1. เราต้องยันตัวเลขไว้ให้ได้ ไม่ดีขึ้นก็อย่าให้แย่ลง
    2. ฉีดวัคซีน ปูพรมให้หนักที่สุด ก่อนที่ทุกคนในพื้นที่นี้จะหมดแรง 
    อีก 1-2 เดือนข้างหน้า กราฟจะบอกเราเองว่า วัคซีนหรือว่าความอ่อนแรง สิ่งใดจะกำหนดแนวโน้มของสงครามมากกว่ากัน
    คำแนะนำในช่วงเปิดเทอม:
    1. ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการไปฉีดวัคซีนครับ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
    2. ผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยง และคนรอบตัวในกรุงเทพฯ ขอให้การ์ดอย่าเพิ่งตก วัคซีนฉีดแล้วก็ต้องรอหลายสัปดาห์กว่าจะมีภูมินะครับ
    3. Seal จังหวัดที่ปลอดการติดเชื้อและตัวเลขน้อยให้แน่นหนาที่สุด
    4. ชายแดนทั้งหมด ยกเว้นลาว อันตรายมาก
    5. ถ้าเริ่มเกิดการระบาดในโรงเรียน ขออย่าได้ลังเล ต้องสั่งปิดทันที
    6. กิจการต่างๆ ขอให้อดทน อย่าเพิ่งยอมแพ้ สถานการณ์กำลังจะใกล้จบ แต่ก่อนจบอาจมีขึ้น Peak เตรียมตั้งรับไว้ครับ

กราฟสถานการณ์โควิด กทม.
    การระบาดผ่านมาเกือบปีครึ่ง ทุกๆคนคงเหนื่อยกับการต่อสู้นี้เต็มที อยากให้มันจบลงวันนี้พรุ่งนี้ ซึ่งแน่นอนว่า มันจะไม่เป็นเช่นนั้น หลายคนหมดแรงไปแล้ว ยอมแพ้ไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป แต่ต้องย้ำจริงๆครับว่า นี่คือการวิ่งมาราธอน เป็นมาราธอนที่โหดร้ายและยาวนานที่สุดในชีวิตของหลายๆคน ซึ่งหลายคนก็ได้จากพวกเราไปแล้ว แต่พวกเราที่เหลืออยู่ถ้าสู้ต่อไม่หมดแรง จะช้าจะเร็วก็ต้องเข้าเส้นชัยอย่างแน่นอนครับ และวันนี้เส้นชัย ไม่ว่าจะใกล้จะไกลก็พอมองเห็นแล้ว อุปสรรคต่างๆก็พอคำนวณและคาดการณ์ได้ ก็ขอให้สู้กันต่อครับ ช่วงโค้งสุดท้าย นอกจากวัคซีนกับสายป่านแล้ว ก็มีกำลังใจนี่แหละครับที่สำคัญที่สุด ซึ่งเป็นอะไรที่ให้กันได้ฟรีและมีให้ได้ไม่จำกัดครับ
    ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Civid-19) ของประเทศไทย วันที่ 14 มิถุนายน 64 จากศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3,355 ราย
       สะสมระลอกที่สาม 170,401 ราย
        สะสมทั้งหมด 199,264 ราย
        หายป่วยกลับบ้านได้ 3,530 ราย
        สะสมระลอกที่สาม 130,518 ราย
        เสียชีวิตเพิ่ม 17 ราย
        สะสมระลอกที่สาม 1,372 ราย
        สะสมทั้งหมด 1,466 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :