“ดร.ผึ้ง”ฉะรัฐอยากแก้ปัญหาใช้แรงงานเด็กแต่ตัดงบเงือบ 70%   

12 มิ.ย. 2564 | 12:13 น.

“ดร.ผึ้ง”พรรคไทยสร้างไทย ชี้รัฐอยากแก้ปัญหาเด็ก แต่ตัดงบเงือบ 70% จะแก้ปัญหาใช้แรงงานเด็กได้อย่างไร แนะตัดงบที่ไม่จำเป็นเพื่อนำมางบมาเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง 

ในโอกาสวันที่ 12 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก (World Day Against Child Labour)

ดร.เกณิกา ตาปสนันทน์ หรือ ดร.ผึ้ง สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย ได้แสดงความเห็นว่า ในปัญหาความยากจน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ปัญหาเหล่านี้นอกจากจะทำให้ผู้ใหญ่ตกงานแล้ว แต่กลับมีแรงงานเด็กเกิดเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการศึกษา การกินอยู่ รวมถึงสุขภาพ และจิตใจของเด็ก

ในความยากจนนั้นถึงแม้จะมีเด็กที่อยากมาทำงานช่วยหาเลี้ยงครอบครัว แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่ถูกบังคับ จนกลายเป็นการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย

จากข้อมูลของ เว็บไซต์ของ The International Labour Organization หรือ (ILO) พบว่า แรงงานเด็กเพิ่มขึ้น 160 ล้านคนทั่วโลก ครั้งแรกในรอบสองทศวรรษ

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติเตือนว่าทั่วโลก มีเด็กอีก 9 ล้านคนกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด 19รวมถึงประเทศไทยเองยังคงติดอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ผลิตสินค้าที่มีเหตุผลเชื่อได้ว่าทำการผลิตสินค้าด้วยการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ (List of Goods Produced by Child Labor or Forced Labor หรือ TVPRA List) 

นอกจากนี้ยังมีรายชื่ออยู่ในบัญชีประเทศผู้ผลิตสินค้าที่มีการใช้แรงงานเด็กบังคับหรือแรงงานเด็กขัดหนี้ (List of Products by Forced or Indentured Child Labor หรือ E.O.List) 
                                  

                                             “ดร.ผึ้ง”ฉะรัฐอยากแก้ปัญหาใช้แรงงานเด็กแต่ตัดงบเงือบ 70%   

จะเห็นได้จากข่าวที่ว่า เมื่อไม่นานมานี้ ทูตไทยในสหรัฐส่งสัญญาณ เร่งแก้สินค้าใช้ “แรงงานเด็ก”

ในประเทศไทยมีสินค้า 5 รายการ ได้แก่ อ้อย เครื่องนุ่งห่ม กุ้ง ปลา และสื่อลามก ยังไม่ได้รับการถอดถอนจากบัญชีข้างต้น 
แต่เมื่อได้เข้ามาเปิดดูงบปี 2565 ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่ถูกจัดทำมาเพื่อแก้ไขเรื่องนี้โดยเฉพาะแล้วกลับพบว่า ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์จัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ถูกตัดถึงเกือบ 70% จาก ปี 2564 ที่ได้งบ 41 ล้านบาท เหลือ 12.7 ล้านบาท  

โดยแบ่งเป็น โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย 6.6 ล้านบาท
และโครงการคือคุ้มครองสิทธิแรงงานประมงทะเล  6 ล้านบาท เลยไม่แน่ใจว่าการที่ไปตัดงบถึงเกือบ 70% นั้น จะสามารถแก้ไขปัญหา การใช้แรงงานเด็ก ได้แบบเร่งด่วนตามที่ท่านรัฐมนตรีพูดไว้ได้หรือไม่อย่างไร 

โดยส่วนตัวดิฉันมองว่าควรจะตัดงบที่ไม่จำเป็นออกไป แล้วยังควรเพิ่มงบ เพื่อนำมาเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังนอกจากจะได้ช่วยเหลือเด็กแล้ว ยังช่วยอุตสาหกรรม 5 สินค้าดังกล่าว รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ประเทศไทยอีกด้วยค่ะ

 

ที่มา: https://www.ilo.org/asia/media-centre/news/WCMS_800290/lang--en/index.htm