บจ.ไทยไตรมาส 1/64 กำไรสุทธิ 2.5 แสนล้านบาท

27 พ.ค. 2564 | 12:42 น.

ตลท.เผยไตรมาส 1 ปี 2564 บจ.ไทยมีกำไรสุทธิ 257,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.81% หลังราคาน้ำมันกลับสู่ภาวะปกติ จากกลุ่มโอเปกปรับลดการผลิต และปรับตัวรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้น

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 727 บริษัท คิดเป็น 96.2% จากทั้งหมด756 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2564 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 549 บริษัท คิดเป็น 75.5% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1 ปี 2564 บจ. มียอดขายรวม 2,937,757 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 394,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.92% และกำไรสุทธิ 257,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.81% โดยสามารถพิจารณาผลประกอบการของกลุ่ม บจ. ได้ดังนี้1. หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy & Utilities) โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (Petrochemicals & Chemicals) มีรายได้ กำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยได้อานิสงส์จากการที่กลุ่มประเทศ OPEC ลดกำลังการผลิตซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นน้ำมันปรับสูงขึ้น 

ขณะที่ กลุ่ม บจ. อื่นๆ แม้ยอดขายทรงตัวจาก COVID-19 แต่มีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ได้ดีโดยเฉพาะการบริหารต้นทุนการผลิตและการจัดการ จึงส่งผลทำให้ทั้งกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ ไตรมาส 1 ปี 2564 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ระดับคงที่ที่ 1.53 เท่า

“ไตรมาส 1 ปี 2564 นี้สถานการณ์ของราคาน้ำมันปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มีกำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ที่มีภาวะสงครามราคาน้ำมัน นอกจากนี้ สำหรับ บจ. อื่น ที่มีผลประกอบการดีและมีกำไรปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้แก่หมวดธุรกิจการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับยางพาราและน้ำมันปาล์ม หมวดธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ และหมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงมีความต้องการสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหมวดธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดธุรกิจยานยนต์ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามในหมวดธุรกิจบริการยังคงได้รับผลกระทบอยู่”

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 1 ปี 2564 มียอดขายรวม45,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.8% และมีกำไรสุทธิรวม 2,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 601.3%