จี้ตลท.สอบก๊วนปั่น BlockTrade

ภาวะที่การลงทุนในตลาดหุ้นอยู่ในช่วงผันผวน ทำให้นักลงทุนมีการมองหาการลงทุนที่ให้ได้ผลตอบแทนที่สูง แต่มักจะต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูง ซึ่งอีกหนึ่งการลงทุนที่ได้รับความนิยมคือ “Block Trade” ถึงจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงและซับซ้อน แต่เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนไม่น้อย โดยเฉพาะรายใหญ่ สะท้อนจากตัวเลขมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ค่อนข้างสูง

บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวง จำกัด ระบุว่า Block Trade คือ เครื่องมือการลงทุนในหุ้น ผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า TFEX เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องสภาพคล่องของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบนกระดาน TFEX โดยมีโบรกเกอร์เข้ามาเป็นคู่สัญญาฝั่งตรงข้ามให้กับนักลงทุน ให้สามารถซื้อขายได้ตามราคาที่ต้องการ ซึ่งนักลงทุนสามารถแจ้งทำรายการ ณ ราคาที่ต้องการได้ หากราคาหุ้นอ้างอิงเป็นไปตามเงื่อนไข โบรกเกอร์จะเปิดสัญญา Block Trade ให้กับนักลงทุน ผ่านบัญชี TFEX ของนักลงทุน โดยมีโบรกเกอร์เป็นคู่สัญญา 

ทั้งนี้ หากโบรกเกอร์เข้ามาเป็นคู่สัญญาฝั่งตรงข้ามให้เฉยๆ อาจมีความเสี่ยงสำหรับโบรกเกอร์เอง เพราะหากนักลงทุนมีกำไร โบรกเกอร์จะขาดทุน ในทางกลับกัน ถ้าหากนักลงทุนขาดทุน โบรกเกอร์จะมีกำไร แต่หากโบรกเกอร์ไม่ต้องการรับความเสี่ยงนี้ ต้องการเพียงแค่ผลตอบแทนจาก ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และ ดอกเบี้ยเท่านั้นจึงต้องทำการป้องกันความเสี่ยง โดยเข้าไปซื้อหุ้นในตลาดมาเก็บไว้

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ล่าสุดเกิดปัญหาการซื้อขายผ่าน Block Trade หลังจากมีการออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมของก๊วนปั่น Block Trade ด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายให้กับลูกค้าที่เป็นนอมินี ซึ่งเดิมจะเล่นแค่ในโบรกเกอร์เดียวกัน แต่เมื่อเห็นช่องทางได้เงินเพิ่มขึ้น จึงวางเครือข่ายผ่านความร่วมมือกับโบรกเกอร์บางแห่ง ที่เห็นผลประโยชน์จากการได้ วอลุ่ม ดอกเบี้ย รวมถึง
ค่าคอมมิชชั่นที่เสนอให้ ส่งผลให้มีการขยายจาก 1 ไปเป็น 3 โบรกเกอร์ และสุดท้ายขยายเพิ่มเป็น 6 โบรกเกอร์ใหญ่ ที่มีเงินทุนหมุนเวียนสูง 

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอที่ก๊วนปั่น Block Trade ร้องขอคือ ขอวงเงินซื้อขายสูงๆ ไม่ตํ่ากว่า 1,000 ล้านบาท, สามารถเปิดสถานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แล้วฝากไว้ที่ Block Trade ของแต่ละโบรกเกอร์ได้ ถ้ามีกำไรจะฝากไว้ก่อน หากขาดทุนจะนำไปหักออกจากกำไรที่มี, กรณีโดนเรียกหลักประกันเพิ่ม หรือโดนบังคับขาย มีการ crossing หุ้นเข้า/ออก ไปยัง Block Trade ของโบรกเกอร์รายอื่น ขอทำราคาบวกเพิ่มจากราคาตลาดอีก 30% หรือชน Ceiling เพื่อให้หลุดจากการโดนบังคับขาย และระยะเวลาในการถือครองสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะขอนานที่สุด

สำหรับวิธีการเริ่มจากลูกค้าในเครือข่ายส่งคำสั่งซื้อหุ้นผ่านมาร์เก็ตติ้ง จากนั้นมาร์เก็ตติ้งสั่ง Block Trade ซื้อหุ้นแล้ว แปลงหุ้นดังกล่าวเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยกรณีหุ้นลงแรงเมื่อต้นปี 2563 จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ลูกค้าโดนเรียกหลักประกันเพิ่ม ต้องเติมเงิน แต่ไม่สามารถหาเงินมาเติมได้ ทางมาร์เก็ตติ้งจะใช้เครือข่ายที่วางไว้ทำการ crossing สัญญาดังกล่าว ไปให้อีกลูกค้าเครือข่ายในอีกโบรกเกอร์ที่สำรองไว้ ทำการซื้อขายแบบ crossing กันในราคาสูงกว่าราคาในกระดานถึงเกือบ 30% ทำให้ลูกค้าหลุดจากการโดนเรียกหลักประกันเพิ่ม จากนั้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้านี้จะถูกถ่ายไปอยู่ที่โบรกที่ 2 โดยจะรับราคาที่สูง ซึ่งเมื่อสิ้นวันลูกค้าในโบรกที่ 2 ที่รับของมาก็จะโดนเรียกหลักประกันเพิ่มหรือบังคับขาย

ขณะที่วิธีการขั้นสูงคือเปิดบัญชีนอมินี เพื่อหาเงินเข้ากลุ่มของตน เริ่มจากมาร์เก็ตติ้งโทรไปสั่งซื้อขายกับโบรคเกอร์ 1 หรือโบรกเกอร์เครือข่ายโบรกเกอร์ 2 โบรกเกอร์ 3 เพื่อทำการซื้อหุ้นที่คาดว่าจะขึ้น เมื่อซื้อได้แล้ว แต่ไม่มีการแปลงเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อ crossing เข้าพอร์ทลูกค้าอย่างที่ต้องทำ หุ้นที่ซื้อจะถูกถืออยู่ในบัญชีของโบรกเกอร์เหล่านั้น เมื่อราคาขึ้นสูงจะโทรมาขายเพื่อทำกำไร และฝากกำไรดังกล่าวไว้ในพอร์ตของโบรกเกอร์ แต่จะยอมให้หักดอกเบี้ย และใช้เงินโบรกเกอร์ลงทุนแทนเงินตัวเอง รวมทั้งใช้เงินโบรกเกอร์ปั่นหุ้นที่ตัวเองเล่นอยู่

ขณะเดียวกัน ในทางกลับกันหากสถานการณ์หุ้นลงแล้วไม่กลับ หมดโบรกให้วน ก็โยนเข้าลูกค้าที่ตัวเองดูแล โบรกเกอร์นั้นก็จะบังคับให้ลูกค้าขาย คือ การปิดสถานะสัญญา ขาดทุนมูลค่าเป็นล้านบาท ถ้าเป็นลูกค้าที่โดนจับยัด พอเห็นยอดขาดทุน ก็จะไม่รับ และเรียกร้องให้บริษัทรับผิดชอบ เกิดคดีฟ้องร้อง ถึงขนาดที่มีกรณีมาร์เก็ตติ้งคิดสั้นฆ่าตัวตายเป็นข่าวดังไปแล้ว

กรณีก๊วนปั่น “Block Trade” กำลังดังคึกโครมในวงการโบรกเกอร์เพราะมีโบรกเกอร์เข้ามาเกี่ยวข้องถึง 6 แห่ง เป็นเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)จะต้องรับเข้ามาตรวจสอบหาความจริงอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่จะเกิดความเสียหายและสูญเสียมากกว่านี้ 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,679 วันที่ 16 - 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564