“กรุ๊ปลีส” เลือดเข้าตา! “ปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ”

14 พ.ค. 2564 | 02:05 น.

“กรุ๊ปลีส” เลือดเข้าตา! “ปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ” : คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3679 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 16-19 พ.ค.2564 โดย...บากบั่น บุญเลิศ

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับหนังสือลงทะเบียนทางไปรษณีย์ จาก คุณสันติภาพ ดำประไพ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ลงวันที่ 30 เมษายน 2564 ขอให้หยุดการกระทําละเมิดและเรียกร้องค่าเสียหาย

เป็นหนังสือแจ้งจากทนายความขู่มายังกองบรรณาธิการฐานเศรษฐกิจ ที่ผมเป็นประธานกรรมการ และเป็นบรรณาธิการอำนายการ หลังจากที่กองบรรณาธิการนำเสนอข่าวในประเด็น “ยื่น ก.ล.ต.สอบ เส้นทางเงินปริศนากรุ๊ปลีส” ลงวันที่ 26 เมษายน 2564 และนำเสนอข่าวในประเด็น “เปิดผลสอบ “กรุ๊ปลีส” พบเส้นทางการเงินปริศนาเพียบ” ลงวันที่ 27 เมษายน 2564 (หาอ่านได้ในเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กฐานเศรษฐกิจ)

พฤติกรรมแบบนี้ ภาษาสื่อสารมวลชนของผมเขาเรียกว่า “SLAPP: Strategic Lawsuit Against Public Participation” แปลว่า การปิดปากสื่อด้วยคดีความทางกฎหมาย ในยามที่ผู้มีอำนาจหรือเจ้าของกิจการไม่อยากจะให้ผู้คนรู้

วิธีการ SLAPP ถือเป็น "การดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน" ในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน

ผมสรุป เนื้อความของหนังสือแจ้งจากทนายความของ GL ระบุว่า ตามที่ ท่านได้เผยแพร่ข่าวต่อสาธารณชนในสื่อต่างๆ รวมถึงในเว็บไซต์ WWW.THANSETTAKIJ.COM ที่ท่านเป็นผู้ให้บริการโดยอ้างว่า รายงานข่าวจากสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า นายสกล หาญสุทธิวารินท์ อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท กรุ๊ปลีส จํากัด (มหาชน) ทําหนังสือรายงาน ผลการตรวจสอบถึงเลขาธิการ ก.ล.ต. เกี่ยวกับพฤติการณ์อันควรสงสัยของกรรมการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบในการดําเนินงานของบริษัท โดยได้เผยแพร่ต่อสาธารณะชน และยังได้เผยแพร่ข่าวในเว็บไซต์และสื่อเดียวกันขยายความรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์อันควรสงสัย ของกรรมการหรือบุคคลที่รับผิดชอบดําเนินงานของบริษัท 

เนื้อข่าวมีการเปิดเผยเนื้อหาของ ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งบริษัทได้พิจารณาข่าวทั้งสองฉบับแล้วพบว่า เนื้อหาข่าวที่ท่านได้เผยแพร่ต่อประชาชน ทั่วไปนั้นเป็นข่าวเท็จ ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น 

ประการที่หนึ่ง บริษัทได้ตรวจสอบการ เผยแพร่ข่าวจาก ก.ล.ต. แล้วไม่ปรากฏว่า ก.ล.ต.ได้มีการเผยแพร่ข่าวตามที่ท่านกล่าวอ้างแต่ประการใด 

ประการที่สอง นายสกล หาญสุทธิวารินท์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น กรรมการของบริษัททุกตําแหน่งแล้วเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 และให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2560 โดยให้เหตุผลในการลาออกว่า ตนมีความเห็นไม่ตรงกับกรรมการที่เป็นฝ่ายบริหาร

ประการที่สาม ความเห็นของนายสกล ตามที่ท่านรายงานข่าวว่า นายสกลอ้างถึงนั้น เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของนายสกล ซึ่งยังไม่สอดคล้องกันกับความเห็นของ คณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการบริษัทกําลังรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว

ประการที่สี่ ข่าวที่ท่านนําเสนอต่อสาธารณชนนั้นได้ระบุว่า นายสกล ได้ทําหนังสือรายงานผลการตรวจสอบถึงเลขาธิการ ก.ล.ต. เรื่องพฤติการณ์อันควรสงสัยของกรรมการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบในการดําเนินงานของบริษัท กรุ๊ปลีส โดยอ้างถึงสําเนาจดหมายของ บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชีจํากัด ผู้สอบบัญชีของบริษัทกรุ๊ปลีส ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 และกล่าวอ้างอีกว่า คณะกรรมการตรวจสอบได้มีหนังสือลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ GL ให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2564 ฝ่ายบริหารของ GL และ GLF ยังไม่ได้ส่งคําชี้แจง และเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ทั้งยังอ้างว่าได้รับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงส่งมาในฐานะผู้แจ้งเบาะแสการทุจริต (Whistle blower) ที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่ออีกด้วยนั้น บริษัทขอเรียนว่า นายสกลเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 และภายหลังจากวันดังกล่าว นายสกลไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทจนกระทั่งได้ลาออกไป 

นายสกล จึงไม่ทราบว่า บริษัทได้ชี้แจงรายละเอียดในข้อสงสัยต่าง ๆ กับบริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชีจํากัด ผู้สอบบัญชีของบริษัท จนในที่สุดผู้สอบบัญชีได้ ออกรายงานการสอบทานงบการเงินระหว่างกาลของบริษัท และได้เผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็น ที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 

ดังนั้น เนื้อหาที่ระบุในข่าวที่ว่า “พบพฤติกรรมที่น่าสงสัยในการทําธุรกรรมของ จีแอล ไฟแนนซ์ ประเทศกัมพูชา (GLF) บริษัทย่อยของ GL กรณี GLF โอนเงินให้ AFP Trading Co. Ltd หรือ APET เป็นเงิน 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่ได้รับคําชี้แจงที่กระจ่างจากผู้บริหารของ GL และเชื่อว่า อาจมีการโอนเงินในทํานองนี้ไปให้ APET หรือนิติบุคคลอื่นอีกหลายครั้ง” จึงเป็นความเท็จ ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด 

ประการที่ห้า ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในเนื้อข่าวทั้งสองฉบับนั้น ไม่ครบถ้วนถูกต้องและยังถือว่า เป็นข้อมูลภายในของบริษัทซึ่งเป็นความลับทางการค้าที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ทั้งยังประกอบไปด้วยข้อความที่ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอันมีลักษณะเป็นการเจตนากล่าวหาบริษัท กรรมการ ผู้รับผิดชอบดําเนินการ ที่ปรึกษา และบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทอันเป็นการใส่ความต่อบุคคลที่สาม ทําให้บริษัทนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังด้วยการโฆษณา 

การกระทําดังกล่าวของท่านยังเป็นการ ไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง และยังเป็นการนําข้อมูลที่บิดเบือนหรือ ข้อมูลปลอมหรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน การเผยแพร่ข่าวของท่านโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนถูกต้องเสียก่อน จึงเป็นการกระทําความผิดอาญา และยังเป็นการจงใจกระทําละเมิดทําให้บริษัท และบุคคลที่ท่านได้พาดพิงถึงได้รับความเสียหาย 

นอกจากนี้ ท่านยังจงใจระบุแหล่งข่าวอันเป็นเท็จ เพราะเนื้อหาที่ท่านนํามานําเสนอในข่าวยังไม่ได้มีการเผยแพร่โดยสํานักงาน ก.ล.ต.แต่อย่างใด โดยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้าในฐานะทนายความผู้รับมอบอํานาจของบริษัท กรุ๊ปลีส ขอแจ้งให้ท่านหยุดการกระทําความผิดทางอาญาและการกระทําละเมิดโดย 

ขอให้ท่านทําการหยุดเผยแพร่ข่าวดังกล่าวของบริษัท พร้อมทั้งมีหนังสือขออภัยต่อบริษัท เกี่ยวกับการเสนอข่าวอันเป็นเท็จทั้งหมด และทําการเผยแพร่หนังสือขออภัยดังกล่าวลงในเว็บไซต์ของท่านตลอดทั้งสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของท่านทันที เมื่อได้รับหนังสือฉบับนี้ 

หากพ้น กําหนดดังกล่าวแล้ว ท่านยังคงเพิกเฉยข้าพเจ้าจะดําเนินการตามสิทธิที่ได้รับมอบหมาย และขอสงวนสิทธิในการเรียกร้องให้ท่านชําระค่าเสียหายต่อไป...

ผมขอเรียนมาเพื่อให้ท่านทนายทราบ และโปรดพิจารณาครับว่า บริษัทที่ท่านรับมอบอำนาจมานั้น มิใช่ของกรรมการคนใดคนหนึ่ง มิใช่ของผู้บริหารคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ หากแต่เป็นบริษัทจำกัดมหาชนที่ต้องดำเนินากรตามพรบ.มหาชน และต้องดำเนินการตามพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  

บริษัท GL นั้นถือเป็นบริษัทเลือดเดือด ราคาหุ้นขึ้นลงดุจขึ้นฟ้าและดิ่งเหว มิใช่มีเพียงคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่างเดียว แต่มีผู้ถือหุ้นรายย่อยราว 7,200 คน ที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายจากการบริหารงานที่ผิดพลาดจน ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษฝ่ายบริหาร และแขวน SP บริษัทที่ท่านรับมอบอำนาจ เพราะมีพฤติกรรมอันดีงามจากการกู้ยืมเงิน จากการโยกเงินออกไป และไม่มีการส่งงบการเงิน

ฐานเศรษฐกิจในฐานะสื่อเศรษฐกิจหลัก เราได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในบริษัทจำกัดมหาชน บริษัทจดทะเบียน ที่มีมหาชนจำนวนมากเป็นตัวประกัน ละเลยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการลงทุนหรือขาดซึ่งจริยธรรมความโปร่งใสรับผิดชอบตรวจสอบได้ตามกลไกลบริษัทมหาชนที่ดี

ยุทธวิธี SLAPP: Strategic Lawsuit Against Public Participation ที่ท่านได้ดำเนินการทางคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของสาธารณชน พฤติกรรมการฟ้องคดีโดยมีจุดมุ่งหมายให้การเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นจริงต่อสาธารณะอ่อนแรงและเงียบลงไป หรือ การตบปากสื่ดด้วยกฎหมาย 

แปลให้ง่ายคือการฟ้องให้สื่อหุบปาก หยุดพูด

การใช้กระบวนการทางศาล เพื่อขัดขวางการเผยแพร่ของสื่อ การข่มขวัญ ไม่ให้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะของท่านนั้น รังแต่เป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจและตลาดหลักทรัพย์ ทำหลายระบบตลาดทุนของประเทศไทย และท่านเป็นเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายระบบธรรมาภิบาลในตลาดหุ้นตลาดทุนไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

ท่านอาจจะไม่ทราบในบริษัทจำกัดมหานนั้น เขาได้สร้างกระบวนการตรวจสอบอำนาจที่คะคานกันระหว่างคณะกรรมการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตรวจสอบ การที่ประธานกรรมการตรวจสอบแสดงความคิดเห็นว่า บริษัทหนึ่งมีพฤติกรรมยักยอกเงิน ถ่ายเทเงินออกไป ย่อมไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายบริหารเป็นธรรมดา และในการทำงานของสื่อมิใช่รอเพียงการเผยแพร่ข่าวจากหน่วยงานของรัฐคือ ก.ล.ต. หรือ ตลาดหลักทรัพย์ ที่เผยแพร่ข่าวตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เรามีหน้าที่สืบค้นข้อมูลข่าวสารในทางลึกด้วยเช่นกัน

ท่านอาจจะลืมไปว่า เมื่อ 16 ตุลาคม 2560 ก.ล.ต.เชือด “มิทซึจิ โคโนชิตะ” ผู้บริหาร “กรุ๊ปลีส” (GL) ข้อหาเบียดบังทรัพย์สินบริษัท แต่งบัญชี ฟอกเงิน ต่อ “ดีเอสไอ” ข้อหาทุจริต เบียดบังทรัพย์สินของบริษัท และทำบัญชีไม่ถูกต้อง โดยทำธุรกรรมอำพรางผ่านบริษัทที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศหลายแห่ง เพื่อให้ผลประกอบการของ GL สูงเกินความจริง

ก.ล.ต.พบว่า ในงบการเงินงวดปี 59 ของ GL ที่ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับธุรกรรมการให้กู้ยืมแก่ลูกหนี้ในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการของ GL เพิ่มสูงขึ้น สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายมิทซึจิ ให้บริษัท กรุ๊ปลีส โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่ประเทศสิงคโปร์ ปล่อยกู้แก่บริษัทในต่างประเทศหลายแห่ง

พบหลักฐานว่า GLH ให้กู้แก่บริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไซปรัส 4 แห่ง และสิงคโปร์ 1 แห่ง เป็นเงินให้กู้รวม  54 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีนายมิทซึจิ เป็นผู้ควบคุมและเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง เมื่อบริษัททั้ง 5 แห่งได้รับเงินกู้จาก GLH ไปแล้ว ได้นำไปหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทผู้กู้เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยและเงินต้นคืนแก่ GLH เป็นงวดๆ ซึ่งยอดดอกเบี้ยถูกนำไปรวมเป็นรายได้ในงบการเงิน อันเป็นการแต่งบัญชีและสร้างผลประกอบการของ GL ให้สูงเกินจริง การกระทำของนายมิทซึจิ ข้างต้น เป็นการทำธุรกรรมอำพราง การยักยอก ยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จในบัญชีและทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง รวมถึงบอกกล่าว เผยแพร่ข้อความเท็จ ส่งผลกระทบต่อราคา หรือ การตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ ตลอดจนขัดแย้งกับข้อมูลที่ GL ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 13 มี.ค. 2560

ก.ล.ต.ยังระบุว่า การแถลงข่าวของนายมิทซึจิ ในวันที่ 14 มี.ค.60 ที่ยืนยันว่า บริษัทผู้กู้ในต่างประเทศไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตนเอง จึงเข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 311 มาตรา 312 และ มาตรา 313 และมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 ซึ่งอาจต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับเป็นเงินสองเท่าของราคาทรัพย์สิน หรือประโยชน์ที่บุคคลดังกล่าวได้กระทำการฝ่าฝืนมาตรานั้นๆ แล้วแต่กรณี ค่าปรับดังกล่าว ต้องไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท แห่งพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 240 แห่งพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2559 สำนักงาน ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายมิทซึจิ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ การถูกกล่าวโทษทำให้ นายมิตซึจิ เข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศสำนักงาน ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนได้ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ

นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับกรณี GL ด้วย

การนำเสนอข่าวของหุ้น GL ของฐานเศรษฐกิจ จึงชอบธรรมและทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ เราไม่กลัวการเผยแพร่ความจริงครับ

ใครจะขู่อย่างไร เรายืนยันว่าจะทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้านและตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง