ITEL อวดผลงานไตรมาส 1/2564 กวาดรายได้กว่า 511.33 ล้านบาท

11 พ.ค. 2564 | 07:35 น.

ITEL อวดผลงานไตรมาส 1/2564 กวาดรายได้กว่า 511.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.00% กำไรสุทธิ 45.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.53 % มั่นใจผลงานปีนี้ เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้

นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จากัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2564 บริษัทมีรายได้รวม 511.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.00 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 45.91 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.53 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้เพิ่มมากขึ้นจากโครงการเน็ตเน็ตห่างไกล (USO2) จากจำนวนจุดให้บริการที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งลูกค้าภาคเอกชนต่างๆ ที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการของบริษัท โดยปัจจุบันมีงานที่มีสัญญาแล้วรอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งสิ้น 3,644.77 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไม่น้อยกว่า 40% ในปีนี้ และส่วนที่เหลือยังรับรู้รายได้ในปีต่อๆไปได้อีก นอกจากนี้ บริษัทฯยังสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยในไตรมาส 1/2564 นั้น มีทิศทางของอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี อยู่ที่ 25.90% จึงมีผลให้กำไรสุทธิจากการดำนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สาหรับไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการโครงข่ายซึ่งถือเป็นรายได้หลัก 300.06 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58.68% ของรายได้รวม เป็นผลสืบเนื่องจากภาครัฐและเอกชนเร่งเดินหน้าแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รองลงมาเป็นการให้บริการติดตั้งโครงข่าย คิดเป็นสัดส่วน 34.41% ของรายได้รวม โดยมีรายได้ 176.00 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ คิดเป็นสัดส่วน 4.08% ของรายได้รวม โดยมีรายได้ 20.86 ล้านบาท แม้อัตราการเข้าใช้งานดาต้า เซ็นเตอร์ จะคงที่ที่ 95% แต่รายได้ส่วนแบ่งจากการให้บริการคลาวด์ คอมพิวติ้งที่ทาร่วมกันกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดาเนินงานในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตที่ดี จากจำนวนงานในมือที่มีอยู่ พร้อมเตรียมเข้าเสนองานภาครัฐและเอกชน อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตประมาณ 20-30% ตามเป้าที่วางไว้

ภาพรวมธุรกิจในปี 2564 และในอนาคต มีแนวโน้มที่ดีจากโครงข่ายที่ครอบคลุมการใช้งานทั่ว 75 จังหวัด ทำให้โครงข่ายมีเสถียรภาพ สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ทาให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น ดังนั้น รายได้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณการใช้งานของลูกค้าเช่าวงจรสื่อสารความเร็วสูง ซึ่งบริษัทฯ เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมและบริษัทเอกชนทั่วไป อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอนาเสนองานโครงการการศึกษาออนไลน์ (Course Online) ที่เป็นการต่อยอดจากโครงการเน็ตชายขอบและเน็ตห่างไกล ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือน พฤษภาคมนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ (New S-Curve) ของบริษัทในปีนี้อีกด้วย

ส่วนธุรกิจติดตั้งโครงข่าย บริษัทฯ จะยังคงบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการรับงานติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ และลูกค้ามีความมั่นใจในบริการของบริษัทฯ อยู่แล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมต่อยอดธุรกิจ อาทิเช่น โครงการทางด้านอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งมีตลาดขนาดใหญ่ คาดจะเห็นความชัดเจนในปลายไตรมาส 2/2564

ทั้งนี้ แม้ในปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงต้องเผชิญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมรับมืออย่างเต็มที่ โดย บริษัทฯ พร้อมมุ่งแผนกลยุทธ์ New-S Curve ด้านงาน Big Data และ Security ในการสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน ด้วยการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาบริการใหม่ๆ รวมไปถึงการสร้างโซลูชั่น และโมเดลธุรกิจ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว สู่การยกระดับคุณภาพเทคโนโลยีของไทยให้ดียิ่งขึ้น บริษัทฯ เชื่อว่าเป้าหมายรายได้ที่ 2,800 ล้านบาท จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งการมุ่งเน้นผลกาไรและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับ ผู้ถือหุ้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง