โควิดสายพันธุ์แอฟริกาแผลงฤทธิ์ รัฐบาลมาเลย์สั่งล็อกดาวน์รอบใหม่กว่าครึ่งเดือน

11 พ.ค. 2564 | 05:44 น.

ไวรัสโควิดกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว กำลังสร้างความปั่นป่วนในกลุ่มชาติสมาชิกอาเซียน โดยไทยและฟิลิปปินส์ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียรายแรกในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่มาเลเซียต้องล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้งเพราะสายพันธุ์แอฟริกา

ขณะที่ ไทย และ ฟิลิปปินส์ ประกาศการตรวจพบผู้ติด เชื้อโควิดชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) เป็นครั้งแรกในประเทศเมื่อวันที่ 10 และ 11 พ.ค. ตามลำดับ โดยกรณีของไทยเป็นสตรีและเด็กที่เดินทางมาจากปากีสถาน และกรณีฟิลิปปินส์เป็นแรงงานที่กลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และโอมาน

มาเลเซีย ซึ่งเป็นอีกชาติสมาชิกอาเซียน กลับหวั่นวิตกกับ ไวรัสโควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) ที่แพร่ระบาดได้รวดเร็วและมีแนวโน้มว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงภูมิต้านทานของวัคซีนต้านโควิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ทำให้รัฐบาลมาเลเซียตัดสินใจประกาศใช้ มาตรการปิดประเทศ (ล็อกดาวน์) อีกครั้งเมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.ถึงวันที่ 7 มิ.ย.นี้

โควิดสายพันธุ์แอฟริกาแผลงฤทธิ์ รัฐบาลมาเลย์สั่งล็อกดาวน์รอบใหม่กว่าครึ่งเดือน

 

นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง ซึ่งครอบคลุมถึงการห้ามประชาชนเดินทางระหว่างรัฐและภายในรัฐเดียวกัน เริ่ม 12 พ.ค.-7 มิ.ย. 2564 เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกา ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทะยานสูงขึ้นในระยะหลังนี้ คำสั่งห้ามอื่นๆ ยังได้แก่

  • ห้ามประชาชนมีกิจกรรมที่ต้องรวมกลุ่มกัน
  • คำสั่งปิดสถานศึกษาทั่วประเทศ 

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจ การล็อกดาวน์ครั้งนี้มี ข้อยกเว้นให้ธุรกิจเอกชน โดยในส่วนของธุรกิจ ผู้ประกอบการค้าต่างๆ รัฐบาลยังคงอนุญาตให้เปิดทำการได้ต่อไปภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

สื่อต่างประเทศระบุ มาเลเซียกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 แต่ครั้งนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้และอินเดีย ที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำสถิติประมาณวันละ 4,000 ราย ซึ่งนำไปสู่ความวิตกกังวลว่า สุดท้ายแล้วหากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งเตียงผู้ป่วยและเครื่องช่วยหายใจ ก็จะมีไม่เพียงพอรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ข้อมูล ณ วันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ชี้ว่า ประเทศมาเลเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 3,733 ราย และเสียชีวิต 26 ศพ โดยก่อนหน้านั้นวันที่ 8 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,519 ราย และเสียชีวิต 25 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดในมาเลเซียเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 444,484 ราย และยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด 1,700 ราย

ทั้งนี้ WHO ได้ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 จำนวน 4 สายพันธุ์ เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่ "สร้างความวิตกกังวล" ซึ่งหมายถึงมันแพร่ระบาดได้ง่ายและไว มันอาจทำให้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้มากขึ้น และอาจสามารถหลีกเลี่ยงภูมิต้านทานที่วัคซีนสร้างขึ้น ได้แก่ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) ที่มีการตรวจพบครั้งแรกในเมืองเคนท์ ประเทศอังกฤษ และเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดทั่วสหรัฐอเมริกาในขณะนี้, ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351), ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์บราซิล (P.1) และล่าสุดไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617)

สิ่งที่น่ากังวลคือ ไวรัสโควิดเหล่านี้มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484K ที่เป็นจุดสำคัญในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างขึ้นมาในร่างกาย การกลายพันธุ์ในจุดดังกล่าวพบในไวรัสโควิดสายพันธุ์บราซิล , แอฟริกาใต้ และสายพันธุ์อินเดีย นั่นหมายความว่า เชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ ๆนี้ อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันลดลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง