มาทำความรู้จัก “ซิโนฟาร์ม” ที่ขึ้นแท่นวัคซีนจีนตัวแรกที่ได้รับอนุมัติใช้เป็นกรณีฉุกเฉินจาก WHO

11 พ.ค. 2564 | 03:34 น.

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศอนุมัติการใช้งาน "วัคซีนซิโนฟาร์ม" แล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่คาดว่าการประกาศอนุมัติการใช้วัคซีน “ซิโนแวค” จะตามมาติด ๆในเร็ว ๆนี้

องค์การอนามัยโลก (WHO) อนุมัติ วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดย บริษัทซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ผู้ผลิตยาสัญชาติจีน ภายใต้ชื่อ วัคซีน BBIBP Cor-V สามารถใช้ได้แล้วในกรณีฉุกเฉิน โดยแนะนำให้ใช้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และเป็นวัคซีนแบบที่ต้องฉีดสองโดส

การตัดสินใจของ WHO ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นการเพิ่มวัคซีนทางเลือกให้กับการป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะช่วยเร่งความพยายามของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ในการที่จะควบคุมการแพร่ระบาดและการเกิดไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ การอนุมัติใช้วัคซีนซิโนฟาร์มในกรณีฉุกเฉินยังจะช่วยให้ WHO จัดหาวัคซีนมาป้อนให้กับโครงการโคแวกซ์ (COVAX)ได้มากขึ้นและขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้วัคซีนต้านโควิด-19 ของจีนได้ผงาดในเวทีระดับโลกด้วย  

มาทำความรู้จัก “ซิโนฟาร์ม” ที่ขึ้นแท่นวัคซีนจีนตัวแรกที่ได้รับอนุมัติใช้เป็นกรณีฉุกเฉินจาก WHO

สำหรับโครงการดังกล่าวได้รับความสนับสนุนจาก WHO เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้สามารถเข้าถึงวัคซีนต้านโควิดได้อย่างทั่วถึง   

ก่อนหน้าการอนุมัติวัคซีนของซิโนฟาร์ม วัคซีนตัวอื่น ๆที่ได้รับอนุมัติจาก WHO ว่ามีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพ สามารถใช้เป็นกรณีฉุกเฉินได้แล้วนั้น ได้แก่วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีนโมเดอร์นา

จุดเด่นสอดคล้องสภาพแวดล้อมประเทศกำลังพัฒนา 

ทั้งนี้ ซิโนฟาร์มเป็นกลุ่มบริษัทยาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน วัคซีนของบริษัทได้รับการอนุมัติให้ใช้เป็นการฉุกเฉินแล้วในหลายประเทศ ซึ่งนอกเหนือจากในประเทศจีนเองแล้ว ยังได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) บาห์เรน ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ฯลฯ  

ส่วนวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัท ซิโนแวค ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนของจีน และมีใช้แล้วในหลายประเทศรวมทั้งไทย ยังไม่ได้รับอนุมัติการใช้จาก WHO โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างรอการพิจารณาซึ่งคาดว่าจะมีมติในสัปดาห์หน้าหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญของ WHO ได้พิจารณาประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 พ.ค.)

ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อนุมัติให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทค ,โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (J&J) เท่านั้น

นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO เปิดเผยว่า วัคซีนซิโนฟาร์ม ซึ่งผลิตโดยหน่วยธุรกิจของ บริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ไบโอเทค กรุ๊ป (ซีเอ็นบีจี) ที่เป็นบริษัทในเครือของซิโนฟาร์ม มีประสิทธิภาพเฉลี่ย 79% สำหรับทุกกลุ่มอายุ และ 79% ในกลุ่มผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ว่าการทดลองกับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปยังมีจำนวนน้อย จึงไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุได้

ข้อดีของวัคซีนซิโนฟาร์ม คือ สามารถจัดเก็บได้ง่าย ไม่ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำมากเหมือนวัคซีนอื่น จึงเหมาะสมอย่างมากสำหรับสภาพแวดล้อมของประเทศกำลังพัฒนาที่อาจจะไม่มีอุปกรณ์พิเศษหรือรถแช่เย็นอุณหภูมิต่ำมาก ๆ สำหรับการลำเลียงขนส่งวัคซีน นอกจากนี้ วัคซีนของซิโนฟาร์มยังมีแถบตรวจสอบบนขวดซึ่งเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิความร้อน จึงสังเกตได้ง่ายว่าวัคซีนปลอดภัยและใช้งานได้หรือไม่

วัคซีนซิโนฟาร์มมีราคาจัดจำหน่ายที่ประมาณ 934 บาท/โดส สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 18-60 ปี ต้องฉีด 2 ครั้งโดยมีระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ ส่วนผลข้างเคียงนั้น หลังฉีดอาจมีอาการเจ็บปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน ปวดหัว กล้ามเนื้อ ผื่นขึ้น และมีไข้

รายงานข่าวของสื่อต่างประเทศยังระบุว่า รัฐบาลจีนได้ส่งมอบวัคซีนซิโนฟาร์มราว 65 ล้านโดส และวัคซีนซิโนแวคราว 200 ล้านโดสให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลกแล้ว ซึ่งวัคซีนของจีนนี้ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยเหลือประเทศต่าง ๆในภูมิภาคอเมริกาใต้ เอเชีย และแอฟริกา ที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทยาของชาติตะวันตกได้

ข้อมูลอ้างอิง

WHO approves Sinopharm vaccine in potential boost to COVAX pipeline

ข่าวที่เกี่ยวข้อง