โควิด-19 ระลอกสาม พ.ค. ไม่จบ หมอธีระแนะล็อกดาวน์ระดับภาค-พื้นที่คุมระบาด

10 พ.ค. 2564 | 08:10 น.

หมอธีระชี้โควิด-19 ระลอกสามเดือนพฤษภาคมยังไม่เจบ แนะล็อกดาวน์ระดับภาคหรือพื้นที่คุมการระบาด

รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า

สถานการณ์ทั่วโลก 10 พฤษภาคม 2564

วันนี้สายๆ จะทะลุ 159 ล้าน โคลอมเบียมีจำนวนติดเชื้อรวมเกินสามล้านคนเป็นประเทศที่ 12 แล้ว สถานการณ์น่าห่วง ติดเพิ่มวันละกว่าหมื่นเจ็ดพันคน ตายเกือบห้าร้อยคน  เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 650,067 คน รวมแล้วตอนนี้ 158,945,630 คน ตายเพิ่มอีก 10,179 คน ยอดตายรวม 3,306,035 คน  5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา โคลอมเบีย และตุรกี

อเมริกา เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 20,702 คน รวม 33,475,283 คน ตายเพิ่ม 240 คน ยอดเสียชีวิตรวม 595,811 คน อัตราตาย 1.8%

อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 366,499 คน รวม 22,662,410 คน ตายเพิ่ม 3,748 คน ยอดเสียชีวิตรวม 246,146 คน อัตราตาย 1.1%

บราซิล ติดเพิ่ม 34,162 คน รวม 15,184,790 คน ตายเพิ่มถึง 934 คน ยอดเสียชีวิตรวม 422,418 คน อัตราตาย 2.8%

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 9,128 คน ยอดรวม 5,777,087 คน ตายเพิ่ม 115 คน ยอดเสียชีวิตรวม 106,392 คน อัตราตาย 1.8%

ตุรกี ติดเพิ่ม 15,191 คน รวม 5,031,332 คน ตายเพิ่ม 283 คน ยอดเสียชีวิตรวม 43,029 คน อัตราตาย 0.9%

อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพัน

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

สำหรับญี่ปุ่นนั้น ติดเพิ่มเกือบเจ็ดพันคนต่อวันแล้ว ที่น่าห่วงคือจำนวนคนเสียชีวิตเกินร้อยคนต่อวันติดต่อกันมา 2 วันแล้ว เคยคาดประมาณว่าเค้าจะเข้าช่วงพีคในสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนพฤษภาคม ทั้งนี้ในระลอกที่สาม ญี่ปุ่นเคยติดเชื้อต่อวันสูงสุด 7,855 คน ณ วันที่ 9 มกราคม 2564 หวังใจว่าจะสามารถควบคุมได้โดยเร็ว

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับหลักร้อยถึงพันกว่า หลายประเทศกดลงมาอยู่หลักร้อย ยกเว้นเบลารุส คาซักสถาน ยูเครน ที่ยังหลักพัน

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง

เกาหลีใต้ เวียดนาม และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อยถึงเกือบพัน ส่วนจีน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่นิวซีแลนด์ และฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

เวียดนามระลอกสี่ตอนนี้ติดเพิ่มมากสุดเท่าที่เคยเป็นมา 102 คน ยอดติดเชื้อรวม 3,332 คน ยอดเสียชีวิตรวม 35 คน

ลาวกำลังเผชิญการระบาดที่หนักหน่วงทีเดียว เริ่มเพิ่มสองหลักต่อวันมาตั้งแต่ช่วง 21 เมษายน 2564 ไปถึงสามหลักในวันที่ 26 เมษายน 2564 ล่าสุดเมื่อวานติดเพิ่ม 69 คน และมีรายงานเสียชีวิตเมื่อวานนี้ 1 คน ยอดรวมตอนนี้ 1,302 คน ยอดเสียชีวิตรวม 1 คน

ส่วนกัมพูชานั้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นระลอกแรกของเค้า แค่หนักหน่วงมาก ติดหลายร้อยคนต่อวันตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวาน 520 คน ยอดติดเชื้อรวม 19,237 คน ยอดเสียชีวิตรวม 120 คน

ด้วยสถานการณ์ของไทยในปัจจุบัน ทั้งการระบาดภายในประเทศที่รุนแรง กระจายทั่วไป และยังไม่สามารถควบคุมได้ ผนวกกับการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ ทั้งกัมพูชา เวียดนาม ลาว เมียนมาร์ และมาเลเซีย คงสามารถพิจารณาได้ว่าวิกฤติ และยากต่อการจัดการ

จะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการเตรียมระบบการตรวจคัดกรองโรคที่มีศักยภาพ ทำได้มาก ครอบคลุม และต่อเนื่อง ในลักษณะที่เข้าถึงบริการได้โดยทั่วทุกคน ดังที่เคยกระตุ้นเตือนมาตั้งแต่ปีที่แล้วก่อนการระบาดระลอกสอง จะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ  หากมีอาวุธป้องกันที่ดี มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัย ไม่มีข้อกังขา หลากหลาย ปริมาณมากพอ และเป็นทางหลักที่ไว้ใจได้  และจะลดโอกาสที่จะต้องเผชิญภาวะเช่นนี้...หากมีนโยบายและมาตรการที่เน้นสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก ดำเนินการอย่างเคร่งครัดเข้มข้นตั้งแต่ต้น

มองไปข้างหน้า...

ขอให้เตรียมใจไว้ว่า ศึกนี้ยาวครับ ไม่ใช่พฤษภาคมแน่นอน  ขอให้มีพลังกายพลังใจป้องกันตัวและสมาชิกในครอบครัวอย่างเคร่งครัด...หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว และจิตใจที่แข็งแกร่งสนับสนุนกันและกัน ขอให้ดูแลน้องๆ ลูกหลาน ให้มีกำลังใจเรียนที่บ้าน หาเรื่องพูดคุย สอนคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ เพราะโอกาสไปที่สถานศึกษาในตอนนี้น่าจะลำบาก

มาตรการล็อคดาวน์ระดับภาคหรือพื้นที่นั้นจำเป็นต้องทำ หากสถานการณ์ระบาดยังเป็นไปเช่นนี้แบบควบคุมไม่ได้ ปัจจัยที่ต้องตัดสินใจทำคือ เงื่อนเวลาที่ระบบสุขภาพจะรับไหวโดยเฉพาะกทม.และปริมณฑล เหลือเวลาอีกไม่มากครับ

ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อัพเดตข้อมูลเมื่อปลายเมษายนที่ผ่านมา เน้นย้ำว่า โควิด-19 (Covid-19) นั้นติดผ่านทางอากาศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ภายในห้องภายในอาคาร ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ดังนั้นใครที่ไปตามที่ต่างๆ หรือไปทำงาน เรื่องหน้ากากนั้นจำเป็นต้องใส่ตลอดเวลา เจอคนน้อยๆ สั้นๆ อยู่ห่างกันเยอะๆ

ด้วยรักและห่วงใย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :