บลจ.กสิกรไทย มอง SET index ปลายปีมีลุ้น 1650 จุด

18 เม.ย. 2564 | 04:06 น.

บลจ.กสิกรไทย คาดโควิด-19 ระลอกใหม่คลี่คลาย ปลายปี SET Index อาจมีแตะ 1650 จุด พร้อมจ่ายปันผล 2 กองหุ้นไทย-เทศ รวมกว่า 100 ล้านบาท

นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัดเปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ยังคงระบาดและมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นอัตราเงินเฟ้อที่อาจมีการปรับตัวสูงกว่าที่คาดไว้  ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากฐานต่ำในปีที่แล้ว โดยระดับราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ได้ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมากจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน  ทำให้อาจมีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เร็วกว่าที่คาด

สุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย

 

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่คลี่คลายลงได้ คาดว่าตลาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคาด SET Index ปลายปีน่าจะมีโอกาสแตะระดับ 1650 จุด

นายสุรเดชกล่าวว่า  บลจ.กสิกรไทยได้จ่ายปันผลกองทุนเปิดเค ซูเปอร์สตาร์ เพื่อการออมพิเศษ (K-SUPSTAR-SSFX) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2563 ถึง 31 มีนาคม 2564 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค ญี่ปุ่น หุ้นทุน (K-JP) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึง 31 มีนาคม 2564 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย โดยได้จ่ายปันผลทั้ง 2 กองทุนพร้อมกันในวันที่ 16 เมษายน 2564 รวมมูลค่า  127.83 ล้านบาท

 

กองทุน K-SUPSTAR-SSFX มีนโยบายที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำของไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี สามารถเติบโตได้แม้ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัว (Quality Growth) ผ่านกลยุทธ์จับจังหวะซื้อขายหุ้นเพื่อหาโอกาสทำกำไรทั้งในระยะสั้นและยาว (Tactical Trade) โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมีรูปแบบและหลักการเดียวกับที่ใช้บริหารกองทุน K-STAR-A(R) ซึ่งทำผลงานได้อย่างโดดเด่นจนได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar ในประเภท Overall Rating (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 64)

ส่วนกองทุน K-JP มีนโยบายที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยกองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.89% ต่อปี และสามารถทำผลงานได้ดีติดอันดับ 4 ดาวจาก Morningstar ในประเภท Overall Rating (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 64) อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยได้รับแรงหนุนจากประเทศคู่ค้าเป็นหลัก ดังนั้น หากผู้ลงทุนสนใจกองทุน K-JP แนะนำให้ประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน ส่วนผู้ที่ลงทุนไว้อยู่แล้ว แนะนำให้ถือต่อเพื่อรอประเมินสถานการณ์

 

สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-SUPSTAR-SSFX ซึ่งบริษัทไม่ได้เปิดขายหน่วยลงทุนเพิ่ม ก็สามารถมาเลือกลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างกองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-STAR-SSF) แทนได้ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเดียวกัน ส่วนกองทุน K-JP สามารถซื้อได้ตามปกติ โดยเริ่มต้นลงทุนง่ายๆ เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS และ K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: