กรมประมงลุยขยายพันธุ์ “ฉลามกบ” ปล่อยคืนทะเลรักษาสมดุลธรรมชาติ

16 เม.ย. 2564 | 03:59 น.

กรมประมงลุยขยายพันธุ์ฉลามกบปล่อยแหล่งปะการังเทียม จ.ระยอง เป้าปีนี้ 100 ตัว ช่วยรักษาสมดุลธรรมชาติ พร้อมเดินหน้าแผนฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำหายากใกล้สูญพันธุ์

กรมประมงเดินหน้าแผนฟื้นฟูและอนุรักษ์สัตว์น้ำหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ตั้งเป้าเพาะขยายพันธุ์สัตว์น้ำรวม 39 ชนิด เป็นสัตว์น้ำจืด 36 ชนิด สัตว์ทะเล จำนวน 3 ชนิด ซึ่งสัตว์ทะเล ได้แก่ “หอยหวาน ฉลามกบ และปลิงทะเล” พร้อมจัดกิจกรรมสนับสนุนตามแผนงานยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า ภายใต้โครงการบริหารจัดการทรัพยากรประมงปี 2564

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง เผยว่า การขยายพันธุ์พันธุ์ฉลามกบซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแนวปะการังปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการฉลามของประเทศซึ่งลูกปลาฉลามกบที่กรมประมงปล่อยคืนสู่ธรรมชาตินั้น เกิดจากการผสมพันธุ์ของพ่อ-แม่พันธุ์ที่ถูกรวบรวมจากธรรมชาติตั้งแต่ปี 2563 และดำเนินการเพาะขยายพันธุ์โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง

โดยในปี 2564 สามารถเพาะขยายพันธุ์ลูกปลาฉลามกบประสบความสำเร็จพร้อมวางแผนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ จำนวน 100 ตัว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทยอยปล่อยไปแล้วจำนวน 20 ตัว และครั้งล่าสุดนี้ปล่อยเพิ่มอีกจำนวน 40 ตัว โดยฉลามกบที่ปล่อยครั้งนี้ มีอายุ 60 วัน ขนาดความยาว  15 – 18 เซนติเมตร เป็นเพศผู้จำนวน 29 ตัว และเพศเมียจำนวน 11 ตัว ปล่อยบริเวณเกาะมันนอก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อีกทั้งมีแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล (ปะการังเทียม) ของกรมประมงซึ่งเป็นที่หลบภัยได้ดี คุณภาพน้ำดี และมีการพบปลาฉลามกบอาศัยอยู่ทำให้บริเวณดังกล่าวมีความเหมาะสมและปลอดภัย

กรมประมงลุยขยายพันธุ์ “ฉลามกบ” ปล่อยคืนทะเลรักษาสมดุลธรรมชาติ

สำหรับ“ฉลาม”จัดเป็นสัตว์น้ำที่สำคัญในห่วงโซ่อาหาร เนื่องจากการมีอยู่ของฉลามคือหลักประกันความสมดุลของโครงสร้างประชากรปลาทะเลเพราะในฐานะนักล่าลำดับสูงสุด ฉลามทำหน้าที่กำจัดปลาที่เชื่องช้าป่วยหรือใกล้หมดอายุตามวัยช่วยคัดสรรสายพันธุ์ปลาอื่น ๆ ให้แข็งแรงรักษาสมดุลประชากรปลากินพืชให้อยู่ในระดับพอเหมาะไม่สร้างความเสียหายให้กับถิ่นที่อาศัย ขณะเดียวกันยังควบคุมพฤติกรรมของปลากินเหยื่อขนาดรองๆ ลงมาให้สามารถแบ่งสรรกันใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสมซึ่งความหลากหลายของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตนี่เองที่ทำให้ท้องทะเลมีชีวิตชีวาและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชื่นชมความงามของโลกใต้ท้องทะเล

กรมประมงลุยขยายพันธุ์ “ฉลามกบ” ปล่อยคืนทะเลรักษาสมดุลธรรมชาติ

นายธนัช ศรีคุ้ม ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง กล่าวเพิ่มเติมว่าปลาฉลามกบ เป็นฉลามที่อาศัยบริเวณพื้นท้องทะเลที่เป็นทรายหรือทรายปนโคลนตามชายฝั่งทะเล และกองหินใต้น้ำตามแนวปะการัง ในเขตน่านน้ำไทยสามารถพบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีพฤติกรรมชอบอยู่นิ่ง ๆ ไม่ดุร้าย กินพืชและสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร ทางศูนย์ฯ  ได้ดำเนินการเพาะพันธุ์ลูกปลาฉลามกบ โดยทำการเลี้ยงในบ่อเพาะฟัก และนำไข่ที่ได้จากการฟักของพ่อ-แม่พันธุ์แยกไว้ในตะกร้าโดยวางไข่กระจายออกจากกันไม่ให้เกิดการทับซ้อนเพื่อง่ายต่อการดูแลและป้องกันการเน่าเสีย

ทั้งนี้ขั้นตอนการฟักไข่จะต้องทำความสะอาดและตรวจสอบไข่เป็นประจำทุกวันเพื่อแยกไข่เสีย ในขณะเดียวกันต้องหมั่นตรวจสอบคุณภาพของน้ำ ทั้งอุณหภูมิ ความเค็ม และความเป็นกรดด่างของน้ำที่ใช้ระหว่างขั้นตอนการฟักไข่ และเมื่อลูกปลาฉลามฟักออกจากไข่แล้ว จะนำไปแยกเลี้ยงในบ่ออนุบาล โดยฝึกให้กินอาหารมีชีวิต เช่น ลูกกุ้ง ลูกปลา เพื่อให้แน่ใจว่าลูกปลาฉลามเหล่านี้สามารถหาอาหารกินเองได้ในธรรมชาติก่อนที่จะทำการปล่อยลูกปลาฉลามกบคืนสู่ธรรมชาติ

กรมประมงลุยขยายพันธุ์ “ฉลามกบ” ปล่อยคืนทะเลรักษาสมดุลธรรมชาติ

สำหรับประชาชนผู้สนใจหากต้องการศึกษาพฤติกรรรมการดำรงชีวิตฉลามสายพันธุ์นี้ สามารถชมได้ที่ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง (Rayong Aquarium) ถือเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง ตั้งอยู่เลขที่ 2 หมู่ 2 ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง  ภายในสถานแสดงฯ นอกจากจะมีการจัดแสดง      ฉลามกบแล้วยังได้รวบรวมและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำมีชีวิต สัตว์น้ำสวยงามและสัตว์น้ำที่หายาก ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับอาชีพการทำการประมง เรือประมง และเครื่องมือประมงชนิดต่างๆ จากในส่วนนิทรรศการและพิพิธภัณฑ์ อันจะก่อให้เกิดความรักและหวงแหนในทรัพยากรสัตว์น้ำของไทย โดยกำหนดเปิดให้บริการในวันพุธ-ศุกร์ เวลา 10.00 น. – 16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยเปิดให้บริการในเวลา 10.00 น. – 16.30 น.  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“กรมประมง”ออกโรงยืนยัน อาหารทะเลไทยปลอดโควิด

“กรมประมง” ปัดข้อกังวล ไวรัสโคโรนาในสัตว์น้ำ

“กรมประมง-ซีพีเอฟ”ปล่อยปลาเขื่อนป่าสักสร้างแหล่งอาหาร