โควิด-19ระลอกสามฉุดเศรษฐกิจไตรมาส2/64ทรุดหนัก ระบุทั้งปีโตไม่ถึง 2%

11 เม.ย. 2564 | 10:00 น.

อนุสรณ์ ชี้โควิด-19ระลอกสามฉุดเศรษฐกิจไตรมาส2/64ทรุดหนัก ระบุทั้งปีโตไม่ถึง 2%

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองอาจทรุดหนักถึงขั้นติดลบได้เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกจากการแพร่ระบาดระลอกสามและทำให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีไม่น่าจะถึง 2% ต้องดำเนินมาตรการไม่ให้เกิดการตื่นกลัวเกินกว่าเหตุจนเกิดความชะงักงันทางเศรษฐกิจรุนแรง การกระจายอำนาจตัดสินใจไปยังจังหวัดเป็นเรื่องที่เหมาะสม

การเปิดเสรีนำเข้าวัคซีนและให้เอกชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการวัคซีนจะทำให้สถานการณ์การเข้าถึงวัคซีนดีขึ้น รวดเร็วขึ้น แนวโน้มเงินบาทอ่อนตัวต่อเนื่องจากเงินทุนระยะสั้นทยอยไหลออก ขณะที่เงินไหลเข้าจากรายได้ท่องเที่ยวจากต่างชาติและการส่งออกอาจไม่เป็นไปตามคาดการณ์  การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวไตรมาสสามอาจไม่เกิดขึ้นหากการแพร่ระบาดระลอกสามไม่สามารถควบคุมได้ภายในเดือนพฤษภาคม กระแสเงินทุนจะไหลไปยังประเทศที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนและเป็นประเทศที่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากกว่า 70%

และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ อย่างสหรัฐอเมริกาสามารถระดมฉีดวัคซีนได้ 3,033,045 โดสต่อวัน ทำให้ใช้เวลาสามเดือนจากนี้จะสามารถทำให้ประชาชนประมาณ 75% ได้รับภูมิคุ้มกัน ทำให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม การหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) นั้นเป็นการร่วมมือในการฉีดวัคซีนกันทั่วโลกในลักษณะ Global Vaccination Campaign แต่มีความเหลื่อมล้ำอย่างมากของประเทศต่างๆในการเข้าถึงวัคซีน ขณะนี้มีวัคซีนที่พร้อมฉีดให้ประชาชนทั่วโลกในประเทศต่างๆ 748 ล้านโดสใน 154 ประเทศซึ่งครอบคลุมเพียงแค่ 5% ของประชากรโลก

ข้อมูลจากการวิเคราะห์ของ Bloomberg ยังพบว่า กลุ่มประเทศร่ำรวย 27 ประเทศ ครอบครองวัคซีนกว่า 39.3% แต่มีประชากร 11.1% การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ทั่วโลกจึงเกิดขึ้นได้ยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยภายในระยะเวลาสองสามปีข้างหน้านี้ นอกจากนี้มีปริมาณวัคซีนที่จำกัดไม่เพียงพอสำหรับประชากรโลกแล้ว การบริหารการจัดส่งไปตามพื้นที่ต่างๆทั่วโลกเพื่อรักษาคุณภาพวัคซีนก็ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง เป็น Greatest Logistical Challenges

อนุสรณ์ ธรรมใจ

เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศไทยซึ่งต้องนำเข้าวัคซีนและวัคซีนที่สั่งจองไว้ก็ยังครอบคลุมเพียงแค่ 45% ของประชากร จะประสบภาวะความยากลำบากในการเผชิญการแพร่ระบาดในอนาคตและเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การบริหารจัดการเรื่องการฉีดวัคซีนของไทยค่อนข้างล่าช้าและขณะนี้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนในประเทศไทยก็ยังไม่ถึง 2% วิธีที่ดีที่สุด คือ ทุกคนต้องมีวินัยในทำ Social Distancing ใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันตัวเองด้วยการล้างมือ

ฉะนั้น การบริหารความสมดุลระหว่างนโยบายสาธารณสุขและนโยบายเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก หากเกิดระลอกสามแล้วยืดเยื้อยาวนาน เศรษฐกิจของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ธุรกิจขนาดย่อม เอสเอ็มอีหรือ คนที่ว่างงานมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจะไม่สามารถทนทานต่อความเดือดร้อนและยากลำบากทางเศรษฐกิจได้ นำสู่วิกฤติทางสังคมได้ ปัญหาทางการเมืองอันซับซ้อนได้  

นายอนุสรณ์ กล่าวต่ออีกว่า อนข้างชัดเจนว่า การระบาดระลอกสามและการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดสะท้อนปัญหาการบังคับใช้กฎหมายในไทยและความเหลื่อมล้ำในเกือบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางด้านโอกาส สิทธิและเพศสภาพ ความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมายและการเข้าถึงความยุติธรรมรวมทั้งสะท้อนถึงโครงสร้างสังคมไทยที่มีปัญหาต้องเยียวยาโดยด่วน

ปัญหาการติดเชื้อและเกิดการแพร่กระจายเป็นกลุ่มก้อน ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นระลอกแรก ระลอกสอง ระลอกสาม ล้วนสะท้อนปัญหาในเชิงโครงสร้างของการบังคับใช้กฎหมาย ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมไทยอีกด้วย ทุกๆครั้งจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาผิดกฎหมาย ไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย และ มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่มักจะก่อปัญหา และ ทำให้คนทั้งสังคมและเศรษฐกิจทั้งหมดเดือดร้อน การกระทำเหล่านี้เป็นการแสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อสังคม สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :