ชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจ่อฟื้น TAPMA ผนึกพันธมิตรจัดอีเวนต์ปลุกกระแส

11 เม.ย. 2564 | 09:12 น.

TAPMA เผยชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว แนะผู้ประกอบการปรับทัพการผลิตรับยุคดิจิทัล พร้อมผนึกพันธมิตรเดินหน้าจัด อินเตอร์แมคและเอ็มทีเอ เอเชีย 2021 มั่นใจจะช่วยจับคู่ธุรกิจภายในงานได้กว่า 3,000 คู่ คิดเป็นมูลค่านับพันล้าน

นายสมพล ธนาดำรงค์ศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2563 ต่อเนื่องถึงปีนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์รวมถึงอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ได้กลับมาเดินเครื่องการผลิตเต็มสูบ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกให้กับภาคอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตได้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว 


แม้จะมีการระบาดของกลุ่มใหม่ แต่จากการปรับแผนการบริหารที่ไม่มีการล็อกดาวน์และพยายามทำให้ธุรกิจและเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ตามปกติแบบวิถีชีวิตใหม่ ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่เกี่ยวเนื่องกัน สามารถเดินหน้าการผลิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง


โดยในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมีการกลับมาผลิตรถยนต์ได้ถึง 1.5 ล้าน – 1.6 ล้านคัน ซึ่งส่งผลดีเกี่ยวเนื่องมายังกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งกลุ่ม OEM และ After Market  ที่ได้ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว 


“คาดว่ายอดส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์รวมถึงยางรถยนต์ในปีนี้จะเติบโตกลับเป็นบวกอีกครั้ง ที่ประมาณ 10-15 %  คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่ได้ติดลบไปเมื่อปีที่ผ่านมา 14.52 %  อยู่ที่ 18,721 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ในการพัฒนาและปรับการผลิตฐานการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดและความต้องการที่กลับมามากขึ้น พร้อมก้าวทันยุคเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วไม่หยุดชะงัก แม้โลกประสบกับภาวะวิกฤตจากโรคระบาด” 

สมพล ธนาดำรงค์ศักดิ์ นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA)

นายสมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การกลับมาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมแบบเต็มกำลังส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน จากที่เคยมีการปลดแรงงานไปบางส่วนในช่วงล็อกดาวน์ แม้มีการเรียกคืนแรงงานบางส่วนแต่แรงงานไม่ได้กลับมาได้หมดเพราะบางส่วนได้หันไปทำงานอย่างอื่นแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการบางรายมีการปรับระบบการผลิตมาเป็นแบบ ออโตเมชัน (automation) และมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้มากขึ้น 
ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในสายการผลิต และลดปัญหาค่าแรงในอนาคต ซึ่งปัจจุบันต้นทุนของนวัตกรรมและเทคโนโลยีนั้นสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ทั้งผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ 


ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นโอกาสดีที่ในปีนี้ผู้ประกอบการไทยจะได้เข้าร่วมงาน อินเตอร์แมค และ เอ็มทีเอ (INTERMACH & MTA 2021) ซึ่งได้รวบรวมเทคโนโลยีล่าสุด และเครื่องจักรที่ทันสมัยในอุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกระดับได้อัปเดตเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุด 
 

สำหรับงานอินเตอร์แมค และ เอ็มทีเอ 2021 (INTERMACH & MTA 2021)  จัดคู่กับงาน ซับคอน ไทยแลนด์ (SUBCON Thailand 2021) กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 12 ถึงวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 ในรูปแบบไฮบริด ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา 


งานดังกล่าวทางสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สถาบันยานยนต์ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย สมาคมแผ่นวงจรพิมพ์แห่งประเทศไทย และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์  โดยได้รับการสนับสนุนจาก สถาบันไทย-เยอรมัน สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) สถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) สมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทย (TDIA) 


โดยได้ร่วมกันจัดสัมมนา Future Automotive Forum ในหัวข้อ “Next Generation Automotive – นโยบายพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยศูนย์กลางการผลิตยานยนต์อาเซียน” เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในการผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์สมัยใหม่รองรับเทรนด์การเติบโตในตลาดโลกอย่างยั่งยืน 

งาน อินเตอร์แมค และ เอ็มทีเอ (INTERMACH & MTA 2021)

นอกจากนี้ทางผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ยังหวังว่าจะได้โอกาสในการจับคู่ธุรกิจและขยายคู่ค้าไปยังตลาดโลกมากขึ้นผ่านการร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ในงาน ซับคอน ไทยแลนด์ (SUBCON Thailand 2021) งานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและกิจกรรมจับคู่ธุรกิจชั้นนำของอาเซียน 


โดยปีนี้จะมีการใช้โปรแกรมจับคู่ธุรกิจสำหรับผู้แสดงสินค้าของงานเพื่อเชื่อมโยงทางธุรกิจและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยและชาวต่างชาติ ผ่านระบบออนไลน์ช่วยต่อยอดสู่ความร่วมมือในอนาคต  ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาคุณภาพที่ผู้ประกอบการไทยจะได้เจอลูกค้าหน้าใหม่ๆ ผ่านกิจกรรมไฮไลต์ของงาน
 

นางสุกัญญา อมรนุรัตน์กุล ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า งานอินเตอร์แมค และ เอ็มทีเอ 2021 งานแสดงเครื่องจักรอุตสาหกรรมชั้นนำในอาเซียน พร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้ธีมงาน “งานแสดงเทคโนโลยีการผลิต ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่อนาคต” ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในการเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ 


โดยงานในปีนี้จะจัดแสดงเครื่องจักรล้ำสมัย หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต การบินและอวกาศ แม่พิมพ์และโลหะ เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ที่จะยกระดับธุรกิจผ่านการใช้เทคโนโลยีล่าสุดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ในงานอินเตอร์แมค และ เอ็มทีเอ เอเชีย 2021 จะรวบรวมเทคโนโลยีเครื่องจักรจากแบรนด์ชั้นนำ ครบครันด้วยเครื่องจักรงานโลหะแผ่นมากที่สุดมากกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 25 ประเทศ รวมถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมคุณภาพกว่า 250 ราย ในงานซับคอน ไทยแลนด์ 


นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานยังได้โอกาสร่วมจับคู่ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และพิเศษในปีนี้จะมีโซน ROBOT HUB แสดงเทคโนโลยีออโตเมชันผสานการทำงานกับแขนกลหุ่นยนต์ โซน 3D Printing technology ที่จะช่วยตอบโจทย์ผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่กำลังกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายหลังวิกฤตได้อีกครั้ง 

สุกัญญา อมรนุรัตน์กุล ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์
“การจัดงานในปีนี้จะนำเสนอเทคโนโลยี นวัตกรรม เทรนด์ล่าสุดที่รวบรวมไว้ในงานเดียว ซึ่งผู้เข้าร่วมงานยังมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์โรงงานเสมือนจริง (Virtual Factory Experience) ที่จะช่วยฝึกทักษะการประกอบชิ้นส่วนผ่านระบบ VR ASSEMBLY และยังมี โซน BUYER’s VILLAGE ที่จะรวบรวมผู้ซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมชั้นนำไว้ในที่เดียวเปิดโอกาสการต่อยอดธุรกิจได้อีกด้วย” 


สำหรับงานอินเตอร์แมค และ เอ็มทีเอ 2021 จัดคู่ขนานไปกับ งานซับคอนไทยแลนด์ 2021 ผ่านการจัดงานตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกอินฟอร์มา ออลซีเคียว (Informa AllSecure) ในรูปแบบไฮบริด (Hybrid Edition) ผสมผสานระหว่างการจัดแสดงงานในรูปแบบปกติ (Physical exhibition) และการจัดแสดงแบบเสมือนจริง (Virtual Exhibition) 


โดยในปีนี้มีการเพิ่มดิจิทัลโชว์รูม (Digital Showroom) ให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น และสามารถนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าผ่านทางระบบออนไลน์ได้ตลอดทั้งปีต่อเนื่องหลังจากการเข้าร่วมจัดงานแสดง  พร้อมกิจกรรมสัมมนาและการประชุมเชิงวิชาการมากกว่า 50 หัวข้อ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอนาคต และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจกับผู้ซื้อชั้นนำ


โดยตั้งเป้าว่าปีนี้จะมีการจับคู่ธุรกิจภายในงานและการจับคู่ด้วยระบบออนไลน์ได้ไม่น้อยกว่า 3,000 คู่ เกิดมูลค่าทางธุรกิจอีกนับพันล้านบาท