เสี่ย ฮ. เซียนหุ้นผยองเดช

07 เม.ย. 2564 | 00:20 น.

เสี่ย ฮ. เซียนหุ้นผยองเดช : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3668 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.2564 By...เจ๊เมาธ์

>> ช่วงหลายปีที่ผ่านมาชื่อเสียงและชั้นเชิงของเซียนหุ้นใหญ่หลายคนถูกลบคมลงไป เพราะกฎและกติกาจำนวนมาก ไม่ว่าจะตลาดหลักทรัพย์ หรือ ของ ก.ล.ต. ที่เข็นออกมาควบคุมการสร้างข่าวสร้างสถานการณ์และสร้างราคาหุ้น  ยิ่งไล่ ยิ่งทำให้เซียนหุ้นหลายคนปรับเปลี่ยนวิธีการหาเงินจากตลาดหุ้น บางคนหันไปสร้างคอร์สการเรียน ยกตัวเป็นกูรูหุ้น เป็นนักลงทุน VI เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือเป็นไอดอลของนักลงทุนรุ่นใหม่ ประมาณว่า ถ้าเซียน...หรือเสี่ยเหล่านี้ เข้าลงทุนในหุ้นตัวไหน หรือบอกว่าหุ้นตัวไหนน่าสนใจ แสดงว่าหุ้นตัวนั้นจะเป็นหุ้นที่ดี รายย่อยแห่ตามเข้าไปเป็นจำนวนมาก 

ตลาดหุ้น เกิดชื่อเสี่ยใหม่ มากมาย เสี่ยร่างใหญ่ เกือบจะถูกลืม เมื่อเสี่ยรุ่นหลาน  นิคเนม “เสี่ยฮ.” เบียดขึ้นมาแทนที่ ถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ประวัติความสำเร็จของ เสี่ย ฮ. พูดกันกว้างขวาง ว่ามีวิธีการลงทุนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ จากหลักหมื่น (บาท ) ขึ้นเป็น หมื่นล้าน อู๊ยยยย !!!! อะไรจะขนาดนั้น เห็นยังเบียดเสี่ยรุ่นเก๋า ตกขอบสนามหุ้นไปเล้ยยย 

ว่ากันว่า เสี่ย ฮ. มีบัญชีเครือข่ายกว่า 300 บัญชี อุ๊ย ๆๆๆ ไม่พูด ๆ ว่าเป็นบัญชีใช้ทำอะไร ยังไง คิดกันไปไกล 

นักลงทุนชื่อดังหลายคน สร้างรูปแบบการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์จนทำให้มีชื่อเสียงแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ดอกเตอร์ น. นักลงทุนผู้มีชื่อเสียงในการลงทุนแนว VI, เสี่ย ป. ผู้มีชื่อเสียงในการลงทุนแนวเทคนิค เจ้าของวลีเด็ด “กราฟไม่เคยหลอกใคร”, เสี่ย ย. นักลงทุนแบบบิ๊กล็อตผู้มีชื่อเสียงทางด้านการลงทุนแนวผสมผสาน , หมอ ว. นักลงทุนแนวเทคนิคที่มีชื่อเสียงอีกคนของวงการ และยังมีนักลงทุนใหญ่ในตำนานอีกหลายคนที่เจ๊เมาธ์ยังไม่ได้พูดถึง  อาจจะไม่น่าจดจำ เพราะบางคนรวยขึ้นมาจากหุ้นปั่น...และการปั่นหุ้น นั่นเอง 

ถ้าจะมองในแง่ร้ายบ้าง การที่รายย่อยแห่ตาม เพราะความเชื่อมั่นในชื่อเสียงและประวัติของความสำเร็จ ของ “เสี่ย-เซียน” เหล่านั้น มันคือการรับอิทธิพลทางตรง ในการถูกใช้เป็นเครื่องมือลากราคาหุ้น โดยไม่รู้ตัว รายย่อยที่ตามเข้าทีหลังและออกช้ากว่า ประมาณว่า “ลุกช้า..จ่ายรอบวง”  เจ๊เมาธ์ไม่ได้กล่าวหาหรือว่าใคร เป็นการเฉพาะนะคะ ที่เล่าให้ฟังก็เป็นแค่เพียงอีกมุมมองของเจ๊เท่านั้นค่ะ   

>> อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะตัวพูดถึง DELTA อีกรอบ เพราะหุ้นตัวนี้เป็นเกมหุ้นเสี่ยงมากกว่าเกมการลงทุนปกติ ...ถ้าเข้าหรือออกไม่ถูกจังหวะ มีโอกาสเจ็บตัวสูงกว่ากำไร ...มันจึงขึ้นอยู่กับว่า นักลงทุนจะเลือกวิธีการแบบไหนเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะให้เจ๊เมาธ์แนะนำ... เจ๊ยังมองว่า DELTA ยังเป็นหุ้นที่ราคาหุ้นจะไปต่อได้อีกพอสมควร  ดูจากสัญญาณเทคนิค ผ่านการพักตัวและสลัดแมงเม่า ออกไปแถวๆ 280-310 บาท  ไปแล้ว ดังนั้นโอกาสยืนเหนือ 450  บาท มีอยู่มากพอสมควร แต่ทั้งนี้นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่า การลงทุนในหุ้น DELTA มีความเสี่ยงที่สูงมาก ถ้าไม่พร้อม...หรือใจไม่ถึง  กรุณา !!! อย่าไปยุ่ง อาจจะเจ็บตัวได้ง่ายๆ ถ้าไม่แน่จริงเจ๊ว่า เอาเวลาไปหาหุ้นที่เสี่ยงน้อยกว่า เล่นแทนดีกว่าค่ะ 
 

>> กระแสกัญชง-กัญชา สร้างมูลค่าให้กับหุ้นทุกตัวที่มีข่าว GUNKUL ขายอุปกรณ์ไฟฟ้า - ขายไฟฟ้า ก็เอากับเขาด้วย เอ !!!  มันเกี่ยว มันใช่มั้ยนี่ แต่เอาเถอะ ไม่เกี่ยวก็เกี่ยวซะ...ถ้าหากวิเคราะห์กันจริงๆ ปัจจัยที่ทำให้ GUNKUL โดดเด่นมาก คือ พื้นที่เพาะปลูกที่มีอยู่เหลือเฟือ ในขณะที่พลังงานไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือ ก็เป็นข้อได้เปรียบ ทำให้ต้นทุนการเพาะปลูก การทำแปลงปลูกพืชแบบโรงเรือนซึ่งต้องใช้ไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา แถมเงินทุนจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ในมือ ทำให้ GUNKUL ทำธุรกิจกัญชง  ตั้งแต่การปลูก...ไปจนถึงการตั้งโรงงานสกัดได้ไม่ยาก  

ว่าแต่ราคาหุ้น GUNKUL ที่วิ่งเว่อร์ มาร่วมเดือน น่าจับตาดูว่าอาจจะเกิดการพักตัวของราคาเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะต้องรอให้ขยับข้ามแนวต้าน 4 บาท ไปให้ได้ซะก่อน ถ้าข้ามได้แล้ว ...อย่างอื่นค่อยมาว่ากันค่ะ 

การเหวี่ยงตัวรุนแรงของ AI และ AIE เป็นเรื่องที่ไม่เกินกว่าความคาด หมาย เพราะการถูกไล่ราคาขึ้นมาถึง 150% ในช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนของ AIE และสเต็บการวิ่งแรง ๆ ของ AI ต่างก็เป็นสิ่งที่แรงกว่าปกติทั้งสิ้น 

>> เจ๊เมาธ์ เคยเล่าให้ฟังไปแล้วหลายครั้งว่า AIE ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการโดดเด่นขึ้นมา หลังการขาดทุน 156 ล้านบาทในปี 62 เปลี่ยนมาเป็นมีกำไร 489 ล้านบาท ในปี 63 และยังดูเหมือนว่า จะดีขึ้นอย่างชัดเจนในปี 64 อีกด้วย  และในส่วนของ AI ซึ่งเป็นบริษัทแม่ AIE (ถือหุ้น 61% ) ได้รับอานิสงส์ทางตรงจากการเทิร์นอะราวด์ของ AIE  ขณะที่นักวิเคราะห์มองกันว่าทั้ง AI และ AIE ต่างก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และคาดว่า AI จะมีรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มี 6.68 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเติบโตของธุรกิจลูกถ้วย ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และธุรกิจไบโอดีเซล ภายใต้ AIE เป็นธุรกิจเสริม  
 

เอาเป็นว่า ในจังหวะที่ปริมาณการซื้อขายของหุ้นทั้งคู่ มีเข้ามาอย่างหนาแน่น บวกกับจังหวะที่ราคาหุ้นกำลังอยู่ในความสนใจของนักลงทุน จนได้รับแรงส่งมาไกลขนาดนี้ ถือว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจ เพราะอย่างน้อยที่สุด ถึงราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นมาแรง ๆ แต่ค่า P/E ของหุ้นทั้งคู่ก็ยังอยู่ในระดับที่ยังไม่สูงนัก สำหรับเจ๊เมาธ์  ช่วงที่ราคาหุ้นอยู่ในจังหวะพักตัวแบบนี้ ถือว่าเป็นจังหวะในการหาโอกาสทำกำไรที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว  

>> ช่วงนี้ราคาหุ้นเหล็กหลายตัวไม่ว่าจะเป็น SAM SIAM CHOW PERM INOX หรือ AMC ขยับขึ้นมา จนน่าจับตามอง สาเหตุหนึ่ง เพราะราคาเหล็กในตลาดโลก ปรับตัวสูงขึ้นตามแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อีกส่วนหนึ่ง ถ้าจะสังเกตให้ดี มันคือการเล่นเก็งกำไรหุ้นเฉพาะกลุ่ม...โดยเฉพาะหุ้นเหล็กที่มักจะเล่นกันแรงในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจางลงไปตามเวลา จนกว่าจะถึงรอบของการเล่นรอบใหม่ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ก็จะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นปีหน้าอีกหรือเปล่า...เจ๊เมาธ์ จึงอยากจะเตือนแฟนๆ ของเจ๊ว่า ถ้าเล่นหุ้นกลุ่มนี้ ต้องอย่าละสายตาไปนะคะ ถ้าซื้อแล้วลืม เหล็กจะทิ่มแทงค่ะ