เปิดแผนกระจาย “วัคซีนโควิด ซิโนแวค” ล็อตสอง 8 แสนโดส 

03 เม.ย. 2564 | 10:45 น.

เปิดแผนกระจาย “วัคซีนโควิด-19” ของ ซิโนแวค  ล็อตสองจำนวน 8 แสนโดส ให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมาย และเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว

วันที่ 3 เม.ย.นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลกระจายวัคซีนวัคซีนโควิด -19 ล็อตสอง ยี่ห้อซิโนแวคจำนวน 800,000 โดส  เพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมายทุกจังหวัดแล้ว 

โดยกระจายในกลุ่มเป้าหมายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์/เจ้าหน้าที่ด่านหน้าและประชาชนกลุ่มเสี่ยงใน 22 จังหวัด จำนวน 640,000 โดส ประกอบด้วย 

  • พื้นที่เพื่อควบคุมการระบาดของโรค 6 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร กรุงเทพฯ ตาก ปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี  จำนวน 3.5 แสนโดส  
  • พื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 8 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี (รวมพัทยา) ระยอง เชียงใหม่ ขอนแก่น กระบี่ พังงา อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต จำนวน  2.4 แสนโดส 
  • พื้นที่จังหวัดชายแดนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ 8 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สระแก้ว เชียงราย มุกดาหาร นราธิวาส ระนอง หนองคาย และจันทบุรี จำนวน 5 หมื่นโดส 

 

ส่วนวัคซีนที่เหลืออีก 160,000 โดส จะกระจายฉีดให้กลุ่มเป้าหมายในจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงวัคซีนสำหรับ อสม. จังหวัดละ 1,000 โดส  แบ่งเป็น 

  • จังหวัดขนาดเล็ก (ประชากรน้อยกว่า 1 ล้านคน) จำนวน 800 โดส + 1,000 โดส (อสม.) รวม 1,800 โดส  
  • จังหวัดขนาดใหญ่ (ประชากร 1.0 -1.5 ล้านคน) จำนวน 1,000 โดส + 1,000 โดส (อสม.) รวม 2,000 โดส 
  • จังหวัดขนาดใหญ่พิเศษ (ประชากรมากกว่า 1.5 ล้านคน) จำนวน 1,200 โดส + 1,000 โดส (อสม.) รวม 2,200 โดส  

ทั้งนี้ จัดสรรการกระจายฉีดวัคซีนดังกล่าวเน้นบุคลากรสาธารณสุข อสม. เจ้าหน้าที่กลุ่มอื่น ๆ ที่จำเป็นและควบคุมการระบาดในจังหวัดใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมระบบในทุกจังหวัดก่อนเริ่มฉีดวัคซีนจำนวนมากในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องการให้กระจายวัคซีนไปยังกลุ่มเป้าหมายและในพื้นที่ที่มีความเสี่ยสูงก่อน และขยายไปสู่พื้นที่อื่นตามลำดับอย่างทั่วถึง เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ รวมทั้งสอดคล้องสถานการณ์ของโลกที่หลายประเทศได้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 

นายอนุชา ย้ำว่าเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล รัฐบาลพร้อมเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน/โรงพยาบาลเอกชน ที่สนใจยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ยื่นเอกสารเพื่อขอประเมินคุณภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของวัคซีน ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นผู้พิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 

โดยขณะนี้ได้มีการอำนวยความสะดวก และเปิดช่องทางพิเศษในการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน เพื่อให้สามารถอนุมัติทะเบียนได้อย่างรวดเร็วแล้ว เมื่อยื่นเอกสารครบถ้วนตามที่กำหนดคาดว่าจะใช้เวลาในการประเมินและพิจารณาอนุญาตประมาณ 30 วัน โดยคำนึงถึงคุณภาพความปลอดภัยของวัคซีนตามมาตรฐานสากลเป็นสำคัญ