“แล้ง”กระทบหนักคนเลี้ยงหมูอีสาน ต้องซื้อน้ำใช้ต้นทุนพุ่ง 6 พันต่อวัน

26 มี.ค. 2564 | 13:52 น.

ผู้เลี้ยงหมูภาคอีสานโอดภัยแล้งกระทบหนัก ต้องซื้อน้ำกิน-น้ำใช้ในฟาร์มกันแล้ว ส่งผลต้นทุนการใช้น้ำพุ่ง 6,000 บาทต่อวัน โรคหน้าร้อนซ้ำเติม

นายสิทธิพันธ์  ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า สภาพอากาศร้อนจัด และภัยแล้งที่ลากยาวมาตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับรายงานของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ว่าปี 2564 ประเทศไทยจะเผชิญวิกฤติภัยแล้งหนัก เนื่องจากปริมาณฝนสะสมในปีที่ผ่านมา มีค่าน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 4 ถือเป็นเหตุการณ์ฝนน้อยกว่าปกติ 2 ปีติดต่อกัน (2562-2563) ทำให้ฤดูแล้งนี้จะมีน้ำไม่เพียงพอ

จากปัจจัยข้างต้นส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร โดยเฉพาะในการเลี้ยงสุกรที่ต้องใช้น้ำสำหรับกินและใช้ในกระบวนการเลี้ยงในปริมาณมาก โดยเฉลี่ยพ่อแม่พันธุ์สุกรใช้น้ำวันละ 130 ลิตรต่อตัว สุกรขุนใช้น้ำวันละ 40 ลิตรต่อตัว ทำให้ปริมาณน้ำที่เกษตรกรกักเก็บสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งเริ่มไม่เพียงพอ เกษตรกรหลายพื้นที่ต้องซื้อน้ำจากแหล่งอื่นมาให้หมูกิน ใช้ทำความสะอาด และหล่อเลี้ยงระบบทำความเย็นในโรงเรือน เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดน้ำสะอาดและอากาศร้อนจัด

ขณะนี้หลายพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก จนต้องซื้อน้ำจากภายนอกมาใช้ในฟาร์มทุกวัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นอีก จากเดิมต้นทุนการใช้น้ำอยู่ที่ 30 บาทต่อตัว เพิ่มเป็น 300-600 บาทต่อหมูขุน 1 ตัว หรือ 3-6 บาทต่อหมู 1 กิโลกรัม จากเฉลี่ยแล้วหนึ่งเที่ยวราคาอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาทต่อน้ำ 1 หมื่นลิตร สำหรับฟาร์มขนาดเล็กต้องใช้น้ำราว 2 เที่ยวต่อวัน ต้นทุนในส่วนนี้จึงเพิ่มขึ้นถึง 6,000 บาทต่อวัน หากเป็นฟาร์มใหญ่ขาดแคลนนํ้ามาก ต้นทุนก็จะสูงขึ้นมากขึ้นไปอีก กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบกับต้นทุนการเลี้ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ฤดูร้อนยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิด โรคกลุ่มอาการของระบบทางเดินหายใจและระบบสืบพันธุ์ หรือ โรค  PRRS ที่ทำให้สุกรแท้งลูกในระยะท้ายของการอุ้มท้อง ส่งผลต่อเนื่องถึงสุกรอนุบาลและสุกรขุนทำให้อัตราเสียหายเพิ่ม และต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น ขณะเดียวกัน เกษตรกรทั่วประเทศยังคงเฝ้าระวังควบคุมและป้องกันโรคสำคัญในสุกรทั้ง ASF และ PRRS อย่างเข้มงวด โดยเพิ่มความเข้มข้นของระบบ Biosecurity ในฟาร์ม และเน้นการจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้ต้นทุนการป้องกันโรคเพิ่มกว่า 200-300 บาทต่อตัว และคาดว่าต้นทุนการเลี้ยงในขณะนี้สูงกว่า

ประมาณการต้นทุนการลี้ยงสุกรขุนเฉลี่ยไตรมาส 1/2564 ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ที่คาดว่าอยู่ที่ 77.49 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาเฉลี่ยสุกรมีชีวิตตามประกาศของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติอยู่ที่ 79-80  บาทต่อกิโลกรัม เท่ากับเกษตรกรแทบไม่มีกำไรจากการเลี้ยง แต่ยังจำเป็นต้องประคับประคองอาชีพเดียวเอาไว้ เพื่อให้ผู้บริโภคมีปริมาณสุกรบริโภคอย่างเพียงพอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ผู้เลี้ยงหมูโอด “ASF-โควิด” ทำต้นทุนพุ่งตัวละ 300 บาท

"ผู้เลี้ยงหมู" ทั่วไทยยกนิ้วโป้ง! อหิวาต์แอฟริกา "วาระแห่งชาติ"

เวียดนามนำเข้าหมูมีชีวิต ชุดแรกจากไทย-แก้ราคาพุ่ง

หมูหน้าเขียงพุ่งโลละ 160 บาท ผู้เลี้ยงชี้ตามกลไกตลาด-ยันไทยถูกสุด

ปูพรมหมูธงฟ้าโลละ 130 พร้อมกันทั่วไทย 7 ส.ค.นี้