แนวโน้มราคาทองคำหลัง QE 1.9 ล้านล้านเหรียญ

18 เม.ย. 2564 | 00:05 น.

คอลัมน์ครบเครื่องเรื่องทองกับ MTS โดย: MTS GOLDแม่ทองสุก

ราคาทองคำในช่วง ณ ขณะนี้ มีปัจจัยความกดดันอย่างต่อเนื่องจาก SPDR โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือน ก.พ. ที่ขายออกมากกว่า 66.60 ตัน และภาพรวมตั้งแต่เดือนต.ค. ขายสุทธิ 217.11 ตัน ขณะที่แรงกดดันตรงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร รัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นต้นมา มีการเคลื่อนไหวแถว 1.7% ซึ่งเป็นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้นมาระดับนี้ น่าจะบ่งบอกถึงสภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับขึ้นในอนาคตอันใกล้

 

ถึงแม้ว่าเฟดจะยืนยันมาตลอดถึงการปรับขึ้นของเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจและสามารถควบคุมได้ แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯก็มีการปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าราคาทองคำจากต้นปีบริเวณ 1,950 เหรียญโดยประมาณ มีการปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 200 เหรียญ และภาพรวมราคาทองคำยังคงถูกกดดันต่อจากภาวะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับประเด็นของ Covid-19 เริ่มมีสถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถึงแม้จะมีการระบาดระลอกที่ 3 ในฝั่งยุโรป แต่ทุกฝ่ายก็คาดหวังว่าสถานการณ์ Covid-19 น่าจะสามารถจัดการได้และทำให้สามารถกลับมาเปิดพรมแดนรวมทั้งน่านฟ้าได้ประมาณช่วงไตรมาสที่ 4/2021 หรือช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ขณะที่ภาพรวมทุกฝ่ายมองทิศทางเศรษฐกิจเป็นบวก และเฟดเองก็มีมุมมองเช่นนั้น รวมถึงการที่เฟดมองว่า เงินเฟ้อปีนี้มีโอกาสไปได้ถึง 2.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 

แนวโน้มราคาทองคำหลัง QE 1.9 ล้านล้านเหรียญ

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังปรับตัวสูงขึ้นได้ แม้ว่าการอัดฉีด QE 1.9 ล้านล้านเหรียญจากทีมบริหารไบเดนได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว และก็เป็นประเด็นที่ตลาดเองมีการคาดหวังว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯน่าจะดีขึ้นมากด้วยซํ้า

 

ดัชนีดอลลาร์จึงมีการปรับขึ้นได้เหนือกว่า 91 จุด เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ สะท้อนถึง ดัชนีดอลลาร์ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าแทนที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับการทำ QE โดยทั่วไป หรือกล่าวโดยสรุปก็คือ ปีนี้น่าจะเห็นดอลลาร์อยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้น และเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ โดยอยู่บนพื้นฐานที่ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น

ดังนั้นในเชิงการวิเคราะห์จึงมองว่า ราคาทองคำจะยังอยู่ในแนวโน้มทิศทางขาลง แม้ว่าระยะสั้นๆ ราคาทองคำจะเห็นได้ถึงความผันผวนขึ้นและลงค่อนข้างมาก โดยราคาทองคำจะมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,770 เหรียญ และ 1,800 เหรียญตามลำดับ ขณะที่แนวรับสำคัญจะอยู่บริเวณ 1,675 เหรียญ ที่เป็นระดับตํ่าสุดช่วงต้นเดือนมี.ค. ซึ่งภาพระยะสั้นอาจจะเห็นทองคำผันผวนปรับขึ้นไปได้ก่อนแต่น่าจะไม่สามารถยืนเหนือ 1,800 เหรียญได้

 

MTS GOLD แม่ทองสุก ยังมั่นใจว่าการลงทุนในทองคำยังเป็นทางเลือกที่ดีในโลกยุคปัจจุบันแม้ว่านักลงทุนบางส่วนจะหลงใหลใน Bitcion ที่ปรับตัวสูง อย่างมากแต่ก็ยังมีความเสี่ยงมากเช่นกันดังนั้น สรุปได้ว่าการลงทุนในโลกยุคใหม่ ต้องพร้อมทั้งการลงทุนไม่ว่าจะเป็นทิศทางขาขึ้นหรือลงก็สามารถทำกำไรได้นั่นเอง 

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,665 วันที่ 28 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2564