ASW เตรียมขายไอพีโอ 206 ล้านหุ้น

23 มี.ค. 2564 | 09:19 น.

ASW เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวนไม่เกิน 206 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้าระดมทุนใน SET ไตรมาส 2/64 พร้อมชูจุดเด่นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินได้ในระยะยาว ปัจจุบันมีโครงการภายใต้การบริหารมากถึง 33 โครงการ

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 206 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.07% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ รองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัท ASW มีโครงการในมือทั้งหมด 33 โครงการ มูลค่า 30,420 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแล้วเสร็จ 25 โครงการ มูลค่า 19,043 ล้านบาท , โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างและเปิดขาย 8 โครงการ มูลค่า 11,377 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการในอนาคตอีก 11 โครงการ มูลค่ารวม21,202 ล้านบาท โดยมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 7,800 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปถึงปี 2566  และมีโครงการใหม่เปิดตัวต่อเนื่องในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้ ASW วางแผนในการเปิดโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการมูลค่าโครงการ 10,850 ล้านบาท

ขณะที่ ภาพรวมผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2561 -2563) กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ4,345.8 ล้านบาท 2,624.9 ล้านบาท และ 4,205.0 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2561 - 2563 อยู่ที่ 556.6 ล้านบาท  297.1 ล้านบาท และ 870.8 ล้านบาท ตามลำดับ

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่าจุดเด่นของ ASW คือ การเลือกทำเลที่ดี และมีแบรนด์ที่หลากหลายเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจนมีเซ็กเม้นท์ชัดเจน ได้แก่ 1. แอทโมซ “Atmoz” เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 2. โมดิซ“Modiz” เป็นโครงการคอนโดมิเนียมเน้นการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับความหรูหรา และ 3.เคฟKave” เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise เน้นทำเลใกล้กับสถานศึกษาและมหาวิทยาลัยชั้นนำ

นอกจากนี้ ASW มีฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะผ่านวิกฤตต่างๆในช่วงปีที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น และมีอัตราการทำกำไรสูง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) 44% และ อัตรากำไรสุทธิ (NPM) สูงถึง 20.6% ประกอบกับผู้บริหารและทีมผู้บริหาร ASW มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในการพัฒนาโครงการ มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตได้อีกมาก จึงเชื่อมั่นว่า การเสนอขายหุ้น ASW ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ  เป็นอีกหนึ่งบริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี