บรรดาส.ว.เล็งยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ“ร่างพรบ.ประชามติ”

23 มี.ค. 2564 | 07:36 น.

บรรดาส.ว.เล็งยื่นศาลรธน.ตีความ “ร่างพรบ.ประชามติ” ปมเพิ่มอำนาจรัฐสภา-ประชาชนเสนอเรื่องทำประชามติได้ ชี้ขัด ม.166 อำนาจนิติบัญญัติเหนือฝ่ายบริหาร “คำนูณ”ลั่นผ่านวาระ 3 ยาก

กรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติให้แก้ไขเนื้อหามาตรา 9 ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ โดยเพิ่มอำนาจรัฐสภาและภาคประชาชนสามารถส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดทำประชามติได้ จากเดิมให้เป็นดุลยพินิจของ ครม.ฝ่ายเดียวนั้น กำลังมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ที่จะส่งให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงเรื่องนี้โดยมองว่า อาจขัดกับมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจเหนือฝ่ายบริหาร ยิ่งถ้าให้ต้องทำประชามติทุกเรื่องตามที่ภาคประชาชนเข้าชื่อเสนอมา ก็อาจยิ่งมีปัญหา ถ้าต้องทำประชามติในทุกเรื่อง ก็ยิ่งไปกันใหญ่ 

“กำลังรอดูว่า ผลการแก้ไขเนื้อหามาตรา 9 ของกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ จะไปกระทบกับเนื้อหามาตราอื่นๆ เช่น มาตรา 10-11 และมาตราอื่นๆ ถ้าแก้แล้วมีเนื้อหาไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็อาจไม่ต้องยื่นตีความ แต่ถ้าแก้แล้วมีเนื้อหาไปขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็จำเป็นต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ดูแนวโน้มแล้วคิดว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ” นายสมชาย ระบุ

เมื่อถามว่าหากแก้ไขเนื้อหามาตรา 9 แล้ว ยังเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ ส.ว.จะโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประชามติ วาระ 3 ใช่หรือไม่ นายสมชาย ตอบว่า ยังมั่นใจว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติ จะผ่านวาระ 3 แต่ถ้าไม่ผ่านก็สามารถใช้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับเดิม ในการทำประชามติเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญได้

 

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะมีสมาชิกรัฐสภายื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความบทบัญญัติที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในมาตรา 9 ของร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ที่รัฐสภามีมติให้แก้ไขเพิ่มสิทธิให้รัฐสภาและภาคประชาชน สามารถเข้าชื่อร้องขอให้จัดทำประชามติได้ 

“เกรงว่าจะเป็นการแก้ไขเกินกรอบรัฐธรรมนูญ และหลักการร่างกฎหมายที่กำหนดไว้ หากรัฐสภาเห็นชอบให้บัญญัติเนื้อหาดังกล่าว อาจมีผลกระทบ ในชั้นนี้ได้พิจารณารายละเอียดแล้ว เชื่อว่าจะมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ” นายวันชัย ระบุ
 

ส่วน นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภาอีกคน ชี้ว่า การแก้ไขมาตรา 9 ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ นั้น สมาชิกรัฐสภาบางส่วนและรัฐบาลเห็นว่า มีความขัดหลักการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจและขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 แม้เนื้อความในมาตรา 166 ตอนท้ายเขียนว่า ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่กฎหมายที่ออกมาควรทำหน้าที่เพียงขยายความ กำหนดขั้นตอนรายละเอียดในการปฏิบัติให้ชัดเจน ไม่ควรบัญญัติหลักการเกินกรอบรัฐธรรมนูญ 

กรณีนี้รัฐธรรมนูญกำหนดหลักการให้ ครม.มีอำนาจพิจารณาใช้ดุลพินิจตัดสินใจการจัดทำประชามติ แต่หากเนื้อหาที่แก้ไขไปบัญญัติให้รัฐสภาหรือประชาชนเข้าชื่อกันให้ ครม.จัดการออกเสียงประชามติได้ อาจเป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้ ขณะนี้สำนักงานกฤษฎีกาอยู่ระหว่างปรับแก้มาตราต่อเนื่องจากมาตรา 9 ให้มีกรอบที่ไม่มัดมือ ครม.เกินไป กมธ.จะนัดพิจารณาวันที่ 1-2 เม.ย.นี้ เชื่อว่านอกจากจะพิจารณาเนื้อหาที่กฤษฎีกาเสนอแล้ว อาจมีข้อเสนอจาก กมธ.อาทิ ให้ชะลอการบังคับใช้มาตรา 9

“ส่วนตัวเชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ผ่านวาระ 3 ยาก อาจเกิดกรณีถามหาความรับผิดชอบด้วยการยุบสภา ซึ่ง ส.ส.ไม่ต้องการ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีทางออกหลายวิธี เช่น เสนอร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขมาตรา 9 เป็นต้น" นายคำนูณ ระบุ