ดึง“สุวัจน์”เป็นเสาหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาโคราช 

21 มี.ค. 2564 | 11:03 น.

“กลุ่มนักธุรกิจเอสเอ็มอี-พ่อค้า” เชิญ"สุวัจน์”เป็นเสาหลัก-คลังสมอง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาโคราช ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

วันที่ 21 มีนาคม 2564 ที่มูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตึง จ.นครราชสีมา กลุ่มตัวแทนพ่อค้า นักธุรกิจ ชาวบ้านกว่า 100 คน รวมตัวกัน เชิญ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรมว.อุตสาหกรรม ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.เขต 2 จ.นครราชสีมา และ พ.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรมต.คมนาคม หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาเมืองโคราชให้กลับมารุ่งเรืองเหมือน สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ “ยุคโคราชคือประตู่สู่อีสาน ประตูสู่อินโดจีน”

                                         รังสรรค์ อินทรชาธร รองประธานมูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตั้ง

นายรังสรรค์ อินทรชาธร รองประธานมูลนิธิหลักเสียงเสี่ยงตึ้ง แสดงความเห็นว่า 1.การพัฒนาประเทศ ถ้าเรายังไม่ให้อำนาจกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่มีทางเจริญ ผมจึงอยากนำเสนอ ท่านสุวัจน์ ซึ่งอยู่ในศูนย์กลางอำนาจการปกครองประเทศ ที่สามารถนำเสนอได้ อยากให้ช่วยผลักดันโคราชของเรา มีการบริหารจัดการในลักษณะการปกครองแบบกรุงเทพมหานคร  มีการเลือกผู้ว่าฯ  แล้วต่อไปองค์กรต่างๆ จับมือกันเรากล้ารับข้อมูลต่างๆ เพื่อมาพัฒนา

2.ปัจจุบันชีวิตเราขึ้นตรงกับสาธารณสุข เป็นตัวขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งมันไม่ใช่ โควิดเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 3  ต้องใช้ระบบสงครามโลกมาพัฒนาเมือง แต่เรากลับใช้ระบบสาธารณสุข มาพัฒนาเมือง มันเลยทำให้ปัญหาเศรษฐกิจของเราแย่  

“โคราชมี 32 อำเภอ มีประชากรสองล้านกว่าคน มีประชากรแฝงอีกล้านกว่าคน  สามล้านสี่ล้านคน บางอำเภอไม่มีโควิดเลย แต่สาธารณสุขเข้มงวดจนเราไม่สามารถทำธุรกิจได้เลย มันต้องมีช่องว่างในการแก้ไขปัญหาด้วย”

นายรังสรรค์ กล่าวว่า พวกกลุ่มตนมี BitClube Sme และกลุ่มองค์กรธุรกิจ มานั่งคุยกัน ไม่ได้แล้ว เราไม่พึ่งพาจากหน่วยงานราชการ เราต้องยืนบนลำแข้งตัวเอง  จึงตั้งกลุ่ม “โคราชรุ่งเรือง” เราปลุกระดมให้ทุกคนออกมาจ่ายเงินใช้เงิน ซื้อของ ถามว่าคนโคราชมีเงินไหม มีเยอะแยะมาก คนไปซื้อของบนแพลตฟอร์มใหญ่  Lasada , shoppee  วันหนึ่งเยอะไปหมด  

“ถามว่าไม่ซื้อของในโคราชบ้าง อันนี้แหละครับเงินมันออกไปหมด เงินไม่ได้อยู่ในโคราช พวกเรากลุ่มโคราชรุ่งเรือง ทุกคนกระตุ้นให้ใช้จ่าย อันนี้ฝากท่านสุวัจน์ ถ้าสามารถช่วยผลักดันได้ เราไม่ต้องการเงิน เพราะกลุ่มโคราชรุ่งเรือง เราจะสนับสนุนการตลาดให้เอสเอ็มอี และ บิทคลับ ได้มีพื้นที่ขายของ คือ ผู้ซื้อ ผู้ขายมาเจอกัน ถ้าท่านมีโครงการอะไร ให้ท่านบอกพวกเรา เราจะช่วยขับเคลื่อนโคราชให้มีการหมุนเวียน”
                                                   บุญชม จันทรสถาพร อดีตอธิบดีอัยการภาค 3

ด้าน นายบุญชม จันทรสถาพร อดีตอธิบดีอัยการภาค 3 เสนอว่า 1.เรื่องการพัฒนา จังหวัดนครราชสีมา เรามีทางด่วนพิเศษ รถไฟความเร็วสูง ที่มีรากฐานมาจากท่าน พล.อ.ชาติชาย และ ท่านสุวัจน์ ปัจจุบันโคราชเติบโตมาก แต่เรายังไม่เห็นสนามบิน  ผมอยากให้ท่านหาคำตอบ ทำอย่างไรถึงจะมีการผลักดันตัวนี้ขึ้นมาได้ 

2.ทำอย่างไรให้จังหวัดนครราชสีมา เกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่  3.ขอฝากท่าน โคราชชาติพัฒนาลงเลือกตั้ง เทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อจะได้พัฒนาเทศบาลนครราชสีมา ให้เป็นมหานครอย่างแท้จริง

เช่นเดียวกับ นายสายันต์ โกลาตี นายกสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญ เสนอว่า จังหวัดนครราชสีมาจะกลับมาเป็นมหานครอันยิ่งใหญ่ วิธีการที่จะไปจุดนั้น ต้องมีผู้นำที่มีทั้งบารมี ความสามารถ และคอนเนกชั่น นั่นก็คือ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” 

“ผมมองว่าน่าจะเป็นตระกูล ลิปตพัลลภ ซึ่งท่านได้แสดง ได้กระทำ และติดตามมาโดยตลอดระยะเวลา 35 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อท่าน (วิศว์ ลิปตพัลลภ)  ได้มาพลิกโคราช ในปี 2530-2531 เป็นจุดแรกที่ได้นำความเจริญมาสู่จังหวัดนครราชสีมา อย่างเป็นรูปธรรมแบบเอกชน ด้วยแนวความคิดต้องมีกลุ่มคนและผู้นำ ที่จะทำให้ความฝันเมืองโคราชเป็นมหานคร ซึ่งท่านต้องเป็นตัวหลักที่ต้องทำงานหนักขึ้น ทำเพื่อจังหวัดนครราชสีมา ที่ตัวท่านคิดว่าเป็นเรือนตาย ขอให้ท่านลงมืออย่างจริงจังขึ้น”

                            สุรีวัลย์ จันทร์ประทักษ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครราชสีมา

ขณะที่ นางสาวสุรีวัลย์ จันทร์ประทักษ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในโคราช กว่า 1,200 ราย เสนอผลักดันเรื่องสนามบินโคราช เนื่องจากโคราชกำลังจะได้เป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนำร่องนำนักธุรกิจต่างชาติเหมาลำมาดูการลงทุนที่โคราช  โดยเฉพาะเพื่อนบ้านกัมพูชา ลาว จีน เป็นการต่อยอดสายการบินในประเทศที่เป็นระยะไกลๆ 

“อยากจะนำเรียนตรงนี้ ว่าท่านเป็นผู้มีบารมี  มีศักยภาพ ในการสร้างให้เกิดขึ้นจริงๆ อยากฝากความหวังไว้ที่ท่าน เพื่อเป็นการเชื่อมโยงนักธุรกิจมองโอกาสและการลงทุนที่จังหวัดนครราชสีมา”

 

จากนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า อยากเรียนว่า พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ถือว่าเป็นผู้ที่มีคุโณปการอันยิ่งใหญ่มากมายกับประเทศและจังหวัดนครราชสีมา ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาผมโดยตรง เป็นผู้มีพระคุณกับตัวผมมากที่สุดท่านหนึ่ง กับท่าน พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ชีวิตผมจะผูกพันกับ พล.อ.ชาติชาย ในทุกๆ มิติของความคิด แม้กระทั่งก่อนที่ พล.อ.ชาติชาย ถึงอสัญกรรม วันนั้นจัดงานวันเกิดที่โคราช แล้วท่านก็บินไปผ่าตัด แล้วก็ถึงอสัญกรรม ท่านได้พูดคุยกับผมเหมือนท่านชาติชาย สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย

“ผมจะใช้ตรีมว่า Tomorrow Never Dies ตอนนั้นมีหนัง เรื่องเจมส์บอนด์ พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย ท่านก็มา พอท่านลงจากเวที ท่านบอกว่าผมป่วย เรียกผมมาคุยสั่งผมไว้ 2-3 เรื่อง ข้อสั่งมีอยู่ข้อหนึ่ง ว่า ถ้าผมไม่อยู่นะ พรรคชาติพัฒนา เป็นพรรคที่ผมสร้างมากับเมืองโคราช  ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณต้องเป็นคนสุดท้าย ที่ต้องเฝ้าพรรคชาติพัฒนาเอาไว้ และรักษาพรรคชาติพัฒนาเอาไว้"

                           ดึง“สุวัจน์”เป็นเสาหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาโคราช 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ผมจำประโยคที่ ท่าน พล.อ.ชาติชาย สั่งผมเอาไว้ ผมถือว่าเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย ผมจะทำอะไร ผมจะนึกถึงท่านเสมอ หลายๆ สิ่งที่ท่านได้ทำเอาไว้ หรือไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ 2 หรือที่ 3 ไม่ว่าจะเป็น หมอวรรณรัตน์ เป็นผม  เทวัญ วัชรพล ทุกคนที่เราทำ ผมมีความตั้งใจอยากให้เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงความรู้สึกนึกคิดของคนโคราช ที่จะไม่ลืม พล.อ.ชาติชาย ผมอยากให้ทุกคนเห็น สิ่งที่เราทำให้ทุกคน เป็น พล.อ.ชาติชาย ทำ ไม่อยากให้นึกว่าเป็นพวกผมทำ พวกผมเหมือนเป็นลูก เหมือนท่านพล.อ.ชาติชาย เป็นคนวางมาสเตอร์แปลน เป็นคนทำเพื่อเมืองโคราชและคนโคราช ผมอยากทำอะไรให้กับท่าน เพื่อให้คนโคราช ระลึกถึงท่านเสมอ

“ผมยินดีที่จะร่วมมือกับทุกท่าน ขอบคุณที่ได้ให้ความไว้วางใจ ผมก็จะทำสิ่งที่ผมสามารถทำให้ได้ เหมือนที่ผมพูด ว่าโคราชคือเรือนตาย มันเป็นความผูกพัน และอยากได้ระลึกถึงท่าน”

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า หลายๆ ท่านได้ให้ความคิดเห็น ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างเรื่องสนามบิน เป็นสิ่งที่ท่านวินัย หรือทางพวกเราได้ทำกันมา คือ โคราชมีสนามบิน เดิมทีอยู่ในกองบิน 1 เป็นเขตรักษาความปลอดภัยทางทหาร ที่เข้มงวด ก็เลยต้องย้ายออกไปสร้างที่หนองเต็ง สนามบินอยู่ห่างจากเมืองไปไม่เกิน 30 นาที แต่คนที่จะมาใช้สนามบินมันเป็นเรื่องของภาคธุรกิจ เป็นเรื่องของสายการบิน เป็นเรื่องเครื่องบิน ซึ่งเขามาแน่ ถ้าโคราชเป็นเมืองลงทุน เมืองเศรษฐกิจ เมืองอุตสาหกรรม เมืองครัวโลก และเมืองท่องเที่ยว มีความประสงค์ที่จะมาเมืองโคราช

                    สุวัจน์ ลิปตพัลลภ

“ผมอยากจะแยกให้เห็นถึงภารกิจที่ชัดเจน ภารกิจภาครัฐ ในการสร้างให้มีสนามบิน ภารกิจของภาคเอกชน เราต้องหารือร่วมกัน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานจังหวัดสนับสนุนอะไร หรือ มาร่วมมือกับธุรกิจการท่องเที่ยว พวกชมรมท่องเที่ยวต่างๆ  มาทำแพ็คเกจท่องเที่ยวร่วมกัน ในการที่จะเชื่อมโยง โคราชกับเมืองท่องเที่ยว โคราชภูเก็ต โคราชพัทยา เป็นความร่วมมือระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ เพื่อมาใช้สนามบินของรัฐ ที่ได้ลงทุนเอาไว้ 

ถ้าวันนี้ ไปพูดคุยกับคนกลุ่มนี้ให้มาลงทุนตอนนี้ ก็ทำได้ แต่ต้องเห็นใจภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ผมคิดว่าต้องประสานในการสร้างแพ็คเกจ ในการบิน การท่องเที่ยว สนับสนุนข้อมูลการท่องเที่ยว ช่วยกันประชาสัมพันธ์ อย่างกลุ่มโคราชรุ่งเรือง ได้ทำกัน ได้งบประมาณและได้ออกออนไลน์กัน เป็นสีสันเมืองโคราชในการกระตุ้นเศรษฐกิจ”

อดีตรองนายกฯ ย้ำอีกว่า ในอนาคตเมื่อมอเตอร์เวย์จบ รถไฟจบ คงไม่ใช่แค่โคราช มันจะกลายเป็นโคราช-เชียงใหม่ , โคราช- ภูเก็ต , โคราช-ชุมพร , โคราช-จันทบุรี ,  โคราช – EEC นี่คือ อนาคตของ Rooting สายการบิน เพราะถ้าเป็นกรุงเทพฯ-โคราช ถูกเชื่อมด้วยระยะทางชั่วโมงครึ่ง คงไม่มีใครนั่งเครื่องบิน กรุงเทพฯ-โคราช แต่ว่าสนามบินโคราช จะเป็นสนามบินเชื่อมภูมิภาค เชื่อมภาคเหนือ-อีสาน เชื่อมเชียงใหม่-เชียงราย เป็นในเชิงความคุ้มค่า

                              สุวัจน์ ลิปตพัลลภ

ตนเข้าใจภาวะของ SME ต้องมีการจับมือกันระหว่างกลุ่ม ว่าเรามีอะไรต้องการความช่วยเหลือทั้งทางด้านการเงิน หรือการตลาด ถ้าท่านมีอะไรแลกเปลี่ยนหรือจัดกิจกรรมต่างๆ หรือต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีมาก  ช่วงผมเป็น รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ผมได้เรื่องกฎหมาย SME และ พ.ร.บ. SME และเรื่องสถาบันการเงินต่างๆ

"ผมขอยินดีร่วมกับทุกท่านในการสร้างเมืองโคราช เราจับมือกันร่วมกัน มีอะไรที่ทำได้ผมยินดี เพื่อให้เมืองของเรามีความเจริญก้าวหน้าต่อไป เพื่อทุกชีวิตกว่า 2 ล้านคน ของคนโคราชในอนาคต”นายสุวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย