เปิดรับสมาชิกชาวนา ปลูกข้าวตามออร์เดอร์

20 มี.ค. 2564 | 08:14 น.

แรงกระเพื่อมวงการค้าข้าวตื่น “สมาคมชาวนาฯ” พลิกกลยุทธ์ เปิดรับสมาชิกชาวนา สนใจปลูกข้าวตามออร์เดอร์ ป้อน อคส. เจาะตลาดในประเทศ-ต่างประเทศ

ปราโมทย์ เจริญศิลป์ กล่าวเปิดโครงการ

 

วันที่ 20 มีนาคม 2564  นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ได้ พบปะกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหรือชาวนา ที่สนใจร่วม “โครงการสนับสนุนให้ชาวนาเลือกปลูกข้าวพันธุ์ที่ ตอบโจทย์ตลาด ตอบโจทย์ชาวนา และเป็นข้าวกำลังเป็นที่นิยมในตลาด” ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์  (ในเบื้องต้นบนพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 5,000 ไร่)

 

โดยสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ร่วมกับสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และกลุ่มโรงสีที่ร่วมโครงการ ได้พบปะชาวนาที่ร่วมโครงการ ใน จ. นครสวรรค์ จาก อ.ชุมแสง อ.เก้าเลี้ยว อ.บรรพตพิสัย และ ชาวนาใน อ.โพทะเล จ.พิจิตร รวม 70 กว่าราย เพื่อพูดคุย แนะนำให้ความรู้ในการเพาะปลูกข้าวแต่ละชนิด รวมทั้งรับฟัง และ รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาในท้องถิ่น โดยเฉพาะเรื่องน้ำที่ใช้ในการปลูกข้าว และความจำเป็นเรื่องการขุดรอกคลองสาธารณะ เจาะบ่อบาดาล และได้ดำเนินการจัดหาเมล็ดพันธุ์ให้แก่เกษตรกร ผ่านทางสมาคมผู้รวบรวมฯ และสมาคมชาวนาฯ 

 

สำหรับเป้าหมายในเบื้องต้นเพื่อสนับสนุนแนะนำให้ชาวนามีความรู้ในเรื่องคุณสมบัติ ผลผลิต อายุการเก็บเกี่ยว ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเพาะปลูกข้าวแต่ละชนิด เช่น พันธุ์พื้นแข็ง (กข85) และ พันธุ์พื้นนุ่ม (กข79 และ กข 87) ซึ่งเป็นพันธ์ุข้าวที่กรมการข้าวรับรองพันธ์ุ ให้ชาวนานำไปพิจารณาวางแผนการเพาะปลูก โดยจะมีโรงสีรับซื้อผลผลิตดังกล่าวเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ไม่มีอะไรผูกมัดขึ้นอยู่กับเกษตรกรเลือกที่ขาย

 

ทั้ง กข79 กข87 และ กข85 เป็นข้าวที่ให้ผลผลิตสูงและกำลังเป็นที่นิยมในตลาด พอมีโอกาสความเป็นไปได้และน่าจะสามารถแข่งขันทั้งด้านคุณภาพและราคากับผู้ส่งออกข้าวจากประเทศคู่แข่งอื่นๆได้ดี  หากส่งเสริมให้ปลูกและส่งออกก็น่าจะสามารถรักษาปริมาณการส่งออกข้าวไทยไม่ให้ต่ำกว่าที่เป็นอยู่ได้  ซึ่งหากเป็นไปได้ด้วยดีผลผลิตข้าวเหล่านี้จะไปเติมส่วนแบ่งตลาดข้าวนุ่มที่ไทยเสียไปในระยะหลัง รวมทั้งลดต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่ของเกษตรกร ทำให้ชาวนามีรายได้เหลือเงินมากขึ้น

 

 

บรรยากาศ

 

โดยพันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองจากกรมการข้าว ที่ควรชูและสนับสนุนให้เกษตรกรเลือกปลูก ในขณะนี้ สำหรับกลุ่ม “ข้าวพันธุ์พื้นนุ่ม”  ได้แก่ 1) พันธุ์ข้าวปทุมธานี1 (มีความเหนียว นุ่ม และ มีกลิ่นหอม) 2) พันธุ์ กข79 (นุ่มแต่ไม่หอม)   3) พันธุ์ กข87 (เหนียว นุ่ม แต่ไม่หอม)  และพันธุ์พื้นแข็ง 4) พันธุ์ กข 85 (เป็นข้าวพื้นแข็ง คล้าย พันธุ์ชัยนาท1)

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาข้าวหอมปทุมฯมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น ในขณะที่ข้าวชนิดอื่นๆของไทยมีปริมาณการส่งออกลดลง  ข้าวหอมปทุมฯเป็นที่ยอมรับทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ มีมาตรฐานข้าวหอมไทย รองรับ และเป็นข้าวที่ให้ผลผลิตดี มีราคาสูง

 

แต่ยังมีจุดอ่อนเนื่องจากเหมาะกับบ้างพื้นที่ๆเกษตรกร มีความเชี่ยวชาญในการเพาะปลูก เพราะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ในอนาคตควรมีการพัฒนา พันธ์ุข้าวหอมปทุม ให้มีความต้านทานโรค รวมทั้งพัฒนาให้มีผลผลิตมาขึ้นกว่าเดิมก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกร ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวเปลือกหอมปทุมเกี่ยวสดความชื้น 27-28% ราคาประมาณ 9,700-10,000 บาทต่อตัน และราคาข้าวเปลือกสด กข.79 ความชื้นประมาณ 26-27% ราคาประมาณ 9,300-9,500 บาทต่อตัน

 

รวมพลัง สานเจตนารมย์สมาคมชาวนา

 

ส่วนข้าว “พันธุ์พื้นแข็ง” ที่ควรสนับสนุน ณ ขณะนี้ คือ กข 85 เพราะให้ผลผลิตดี และเป็นข้าวที่มีหน้ากว้างในเรื่องของตลาด (คือ สามารถนำมาต่อยอดทำข้าวขายในตลาดได้อีกหลายชนิด ทั้ง ข้าวขาว และ ข้าวนึ่ง รวมถึงปลายข้าวก็สามารถนำมาทำเส้นและแป้งได้ดี)

 

อย่างไรก็ดี โครงการดังกล่าวนี้ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมถึงกลุ่มโรงสี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันส่งเสริม แนะนำ และสนับสนุนเพื่อที่เกษตรกรจะได้มีข้อมูลมากเพียงพอในการพิจารณาตัดสินใจเลือกปลูกข้าวแต่ละชนิด  เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าร่วมโครงการนี้กับทางสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย

ชาวนา สนใจกันเพียบ

 

สมาคมชาวนาฯขอขอบคุณโรงสีโสภณพานิช จ.นครสวรรค์ ให้ความเอื้อเฟื้อสถานที่จัดการประชุมครั้งนี้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ชาวนา” ดัดหลังพ่อค้าขายข้าวตรง อคส.

ส่อง แผน “ปฏิวัติชาวนา” ยุค “โควิด-19”

ลุยปฏิวัติชาวนา ปลูกข้าวตามออร์เดอร์ ดึง 5 หมื่นไร่ร่วมวง