“ชาวอำเภอพระแสง”เฮ! ศาลสั่งถอนสิทธิ์ที่ดิน บ.น้ำมันปาล์ม 23 แปลง

19 มี.ค. 2564 | 08:46 น.

“ชาวอำเภอพระแสง”เฮ! ศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินบริษัท สหอุตสาหกรรม น้ำมันปาล์ม 23 แปลง ออก โฉนด-น.ส.3 ก มิชอบ เอื้อเอกชนรุกป่าสงวนแห่งชาติ 

วันนี้ (19 มี.ค.64) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่ชาวบ้านจากชุมชนสันติพัฒนา ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 20 คน ยื่นฟ้องกรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กรมป่าไม้ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาพระแสง  และ บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด(มหาชน) ว่าร่วมกันออกเอกสารสิทธิ์ให้กับบริษัท สหอุตสาหกรรม น้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน )ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านในชุมชนไม่สามารถใช้ประโยชน์สาธารณะในพื้นที่ได้  

โดยศาลพิพากษาให้ อธิบดีกรมที่ดิน และ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาพระแสง ดำเนินการเพิกถอน หรือ แก้ไขเอกสารสิทธิ์ที่เป็น น.ส. 3 ก จำนวน 10 แปลง และ โฉนดที่ดิน 13 แปลง ในพื้นที่ ต.บางสวรรค์ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี  ของบริษัท สหอุตสาหกรรมฯ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย และให้อธิบดีกรมป่าไม้ดำเนินการให้บริษัท สหอุตสาหกรรมฯ ออกจากที่ดินพิพาทต่อไป ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด   

ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า จากพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ พบว่า ที่ดิน น.ส.3 ก ที่เป็นข้อพิพาททั้ง 10 แปลง ยังมีลักษณะเป็นป่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงไม่ใช่ที่ดินที่ได้มีการครอบครองและทำประโยชน์มาก่อนวัน ที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และไม่ปรากฏหลักฐานว่า คณะอนุกรรมการสำรวจและจำแนกที่ดินประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เคยมีการเสนอให้กันพื้นที่เหล่านี้ออกจากป่า ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2504  
 

นอกจากนี้ ยังพบพยานบุคคล ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวของกรมที่ดิน ให้การยืนยันว่า ในการเดินสำรวจพื้นที่พบว่า พื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่มีสภาพเป็นป่า และได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว แต่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เขียนข้อความอันเป็นเท็จเพื่อจะออก น.ส. 3 ก และผู้ที่ปรากฏชื่อใน น.ส. 3 ก บางแปลง หรือ ทายาท ได้ยืนยันว่า ไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับการออก น.ส. 3 ก แปลงพิพาทแต่อย่างใด เชื่อว่ามีผู้แอบอ้าง การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออก น.ส. 3ก  จำนวน 10 แปลง ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  

ข้อโต้แย้งของกรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน และ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาพระแสง ที่อ้างพยานหลักฐานจากภาพถ่ายทางอากาศ ยืนยันว่าได้ดำเนินการออก น.ส.3 ก ชอบด้วยกฎหมาย ไม่อาจรับฟังได้  

ส่วนกรณีโฉนดที่ดิน 13 แปลง นั้น จากการตรวจสอบด้วยการสำเนาระวางรูปถ่ายทางอากาศ ซึ่งแสดงตำแหน่งที่ดินตามหลักฐานโฉนดที่ดินของบริษัทสหอุตสาหกรรมฯ ที่ยื่นต่อศาล  พบว่า ที่ดิน 10 แปลงในจำนวนนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าย่านยาว ป่าเขาวง และป่ากระชุม” ทั้งแปลง และที่ดินอีก 3 แปลงที่เหลือ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าย่านยาว ป่าเขาวง และป่ากระชุม” บางส่วน  ซึ่งทั้งหมดเป็นที่ดินสงวนหวงห้ามไว้เพื่อทรัพยากรธรรมชาติ ห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดิน หรือ หนังสือรับรองการใช้ประโยชน์  

การที่พนักงานเจ้าที่ได้ออกโฉนดให้ไปจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เมื่อพบว่า การออกโฉนด และ น.ส. 3 ก ทั้ง 23 แปลง โดยอาศัยหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ อธิบดีกรมที่ดิน ไม่ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินควร  

                                                           สรไกร ศรศรี

นายสรไกร ศรศรี หนึ่งในทนายความจากสภาทนายความ  กล่าวว่า การที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้ชาวบ้านชนะวันนี้ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี หลังจากที่เราใช้เวลาในการต่อสู้มากว่า 8 ปี นายดำ อ่อนเมือง หนึ่งในผู้ฟ้องคดี ถูกลอบยิง คดีนี้ชาวบ้านเป็นผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทดังกล่าวมาก่อน แต่ภายหลังได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับบริษัทเอกชน และมาฟ้องขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่  

ชาวบ้านได้พยายามเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว  แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมที่ดิน ยังยืนกรานว่า ออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบแล้ว  หลังจากนี้หวังว่า กรมป่าไม้ และกรมที่ดิน จะไม่อุทธรณ์ และเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา  

ด้าน น.ส.นัฐาพันธ์ แสงทับ ชาวบ้านผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า ดีใจ และตื่นเต้นไม่คิดว่าจะได้ชัยชนะในครั้งนี้ หลังจากที่เราต่อสู้ทางกฎหมายมา 8 ปี และต่อสู้เรียกร้องในพื้นที่มากว่า 10 ปี  จากนี้จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งรัดกรมที่ดิน เพิกถอนสิทธิที่ไม่ชอบทั้งหมด และให้กรมป่าไม้ขับไล่บริษัทเอกชนดังกล่าวออกจากพื้นที่

                                                                      นัฐาพันธ์ แสงทับ