GC ซื้อหุ้นวีนิไทยเสริมแกร่งเคมีภัณฑ์ปลายน้ำขยายตลาด CLMV

19 มี.ค. 2564 | 02:45 น.

GC ซื้อหุ้นวีนิไทยเสริมแกร่งเคมีภัณฑ์ปลายน้ำขยายตลาด CLMV ด้วยวิถีเพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน ตลท.

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ เรื่องการเข้าซื้อหุ้นของวีนิไทย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในส่วนของเคมีภัณฑ์ปลายน้ำซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของอุตสาหกรรมของไทย พร้อมรุกคืบขยายตลาดสู่ CLMV ซึ่งได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม

              ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ นัดพิเศษ วันที่ 18 มีนาคม 2564 มีมติอนุมัติให้ GC เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เพื่อเพิกถอนหุ้นของวีนิไทยออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Delisting Tender Offer: DTO) จากผู้ถือหุ้นทุกรายในราคาเสนอซื้อต่อหุ้นไม่เกิน 39 บาท ซึ่งอาจมีการปรับราคาตามหลักเกณฑ์ของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 12/2554  โดย AGC Inc.

ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ VNT ได้แสดงเจตนาที่จะไม่ขายหุ้นสามัญใน VNT ที่ AGC Inc. ถืออยู่โดยตรงทั้งหมด VNT จะยังคงเป็นธุรกิจหลักและบริษัทลูกของ AGC หลังจากการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ หาก VNT สามารถดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ GC และ AGC Inc. มีแผนที่จะสนับสนุนการควบบริษัทระหว่าง VNT และ บริษัท ไทยอาซาฮีเคมีภัณฑ์ จำกัด (AGC-TH)

คงกระพัน อินทรแจ้ง

โดยก่อนที่การควบรวมจะแล้วเสร็จ AGC-TH จะปรับโครงสร้าง ซึ่งจะรวมธุรกิจของ AGC Inc. ในประเทศเวียดนามมาอยู่ภายใต้ AGC-TH ก่อนควบรวมกับ VNT เป็นบริษัทแห่งใหม่ (NewCo) ทั้งนี้เป็นการร่วมมือในการสร้างความแข็งแกร่ง (Synergy) ให้กับ VNT และบริษัทย่อยอื่น ๆ ของ AGC เพื่อเป็นผู้ดำเนินธุรกิจ PVC และ Chlor-Alkali แบบครบวงจรในประเทศไทยและเวียดนาม โดยภายหลังการควบรวมบริษัทแห่งใหม่ (NewCo) จะมีการใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (Cost Effective) และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ในกำลังการผลิตที่สำคัญ ได้แก่

ผลิตพลาสติกพีวีซี (PVC) 450,000 ตันต่อปี ผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไล หรือโซดาไฟ (Chlor-Alkali) 720,000 ตันต่อปี และผลิตภัณฑ์อีพิคลอโรไฮดรินฐานชีวภาพ (Epichlorohydrin: ECH) 120,000 ตันต่อปี โดยเมื่อการควบรวมบริษัทแล้วเสร็จ บริษัทฯ อาจพิจารณาซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทใหม่ ตามจำนวนและราคาของหุ้นเพิ่มทุนที่ บริษัทฯ จะได้พิจารณาต่อไป

การลงทุนในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการเติบโต พร้อมขยายฐาน สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจปลายน้ำ ของ GC และพร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจในส่วนของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไล หรือโซดาไฟ (Chlor-Alkali)  และธุรกิจ PVC ซึ่งมีอัตราการเติบโตในระดับที่สูง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าในธุรกิจสายโอเลฟินส์ให้กับ GC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :