อดีตอัยการอาวุโส เห็นพ้องข้อเสนอ 'ดร.สังศิต' ตั้งคณะผู้พิพากษาพิเศษ ชี้ชัด คดี กปปส.

15 มี.ค. 2564 | 13:08 น.

อดีตอัยการอาวุโส ชงข้อเสนอ ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ จัดตั้งคณะผู้พิพากษาพิเศษ ชี้ชีด คดี กปปส. รักษาความยุติธรรมแผ่นดิน

15 มีนาคม 2563 - นายวีระชัย คล้ายทอง อดีตอัยการอาวุโส ระบุว่า จากการที่ศาลได้พิพากษาจำคุกแกนนำ กปปส. และไม่ได้รับการประกันตัวในทันที ต้องถูกขังอยู่ 2 คืน แล้วต่อมาก็มีบทความ เสนอของ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ วุฒิสมาชิก ออกมาพูดถึงความชอบธรรมในการชุมนุมของ กปปส. และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมกับมีข้อเสนอให้จัดตั้งคณะผู้พิพากษาพิเศษขึ้นเพื่อพิจารณาคดีนี้เป็นการจำเพาะ เพราะเป็นคดีการเมืองนั้น

ตนเองก็ได้ฟังและอ่านคำตัดสินของศาลแล้ว ก็ทำให้ระลึกถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ที่พระราชทานแก่เนติบัณฑิต ไว้ว่า 

“กฎหมายนั้น ไม่ใช่ตัวความยุติธรรม เป็นแต่เพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งสำหรับใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรม เท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายใช้เพื่อรักษาความยุติธรรม ไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทของกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดินก็มิได้มีวงแคบอยู่เพียงแค่ขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยา ตลอดจนเหตุและผลตามความเป็นจริงด้วย”

 “กฎหมายทั้งปวงนั้น เราบัญญัติขึ้นเพื่อใช้เป็นปัจจัยสำหรับรักษาความยุติธรรม กล่าวโดยสรุปคือ ให้เป็นแบบแผนแห่งความประพฤติปฏิบัติของมหาชนสถานหนึ่ง กับใช้เป็นแม่บทในการพิจารณาตัดสินความประพฤตินั้นๆ ให้เป็นไปโดยถูกต้องเที่ยงตรงอีกสถานหนึ่ง  โดยที่กฎหมายเป็นแต่เครื่องมือในการรักษาความยุติธรรมดังกล่าว 

จึงไม่ควรจะถือว่ามีความสำคัญยิ่งไปกว่าความยุติธรรม หากควรจะต้องถือว่าความยุติธรรมมาก่อนกฎหมาย และอยู่เหนือกฎหมาย การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีใดๆ โดยคำนึงถึงแต่ความถูกผิดตามกฎหมายเท่านั้น ดูจะไม่เป็นการเพียงพอจำต้องคำนึงถึงความยุติธรรม ซึ่งเป็นจุดประสงค์ด้วยเสมอ การใช้กฎหมายจึงจะมีความหมายและได้ผลที่ควรจะได้”

ก็คงชัดเจนถึงกฎหมายกับความยุติธรรม ฉะนั้น แนวคิดการตั้งคณะผู้พิพากษาพิเศษขึ้นพิจารณาคดี กปปส. และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ วุฒิสมาชิก จึงมีเหตุผลและควรอยู่ในความสนใจของผู้รักความยุติธรรมที่จะช่วยกันผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :