วันนี้(3 มี.ค.64) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปยื่นต่อคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้พิจารณาดำเนินการการกระทำผิดของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จากกรณีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีสมาชิกพรรค พปชร.กลุ่มหนึ่ง นำโดย นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช และ นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงข่าวกล่าวหาว่า การเลือกตั้งเขต 3 นครศรีธรรมราช ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อม เพราะ.ส.ส.คนเดิมถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากทุจริตการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัครลงแข่งขัน และถ้าเป็นพรรคพปชร.ก็คงไม่ส่งผู้สมัคร
รวมทั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรค พปชร.ได้คะแนนเป็นอันดับสอง จึงเป็นความชอบธรรมที่จะส่งผู้สมัคร เพราะถ้าไม่มีการทุจริตการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้น พรรคพปชร.ก็ได้เป็นส.ส.ไปแล้ว และจะทำให้ได้ ส.ส.นครศรีธรรมราช 4 ต่อ 4 เท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนโครงการคนละครึ่ง
นอกจากนั้น ยังมีการแถลงเปิดตัว นายอาณาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เป็นผู้สมัครส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ในขณะนั้น ซึ่งในการแถลงข่าวในวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น มีสมาชิกพรรค พปชร.หลายคนร่วมอยู่ด้วย รวมทั้ง นายสายัณห์ และ นายนิพันธ์ ที่ร่วมอยู่ด้วย และเป็นการแถลงข่าวที่เป็นเท็จ มีผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ และ นายพงษ์สินธุ์ เสนพงศ์ ผู้สมัครส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์
การแถลงข่าวดังกล่าวถือว่า นายนิพันธ์ ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรครับรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ทำการท้วงติง หรือ ทัดทาน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 22 กำหนดไว้แล้วว่า หากกรรมการบริหารพรรครับรู้การกระทำแล้วไม่ทัดทาน ก็ถือว่ากรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค
“ผมจึงต้องการให้กกต.พิจารณาดำเนินการต่อผู้กระทำผิด คือ นายสายันต์ นายนิพันธ์ และนายอาณาสิทธิ์ ที่ร่วมกันใส่ร้ายพรรคการเมืองอื่น เพราะมีโทษถึงยุบพรรค และขอให้กกต.พิจารณาการกระทำความผิดของสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคพปชร. ว่าเข้าข่ายความผิดถึงขั้นยุบพรรค พปชร.หรือไม่”
นายเทพไท กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะใช้เวลานาน เพราะทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่กกต.ขอสื่อมวลชนที่เสนอข่าวดังกล่าว ถอดเทปก็จะทราบความจริง
“ยืนยันว่าการที่ผมยื่นต่อกกต.ครั้งนี้ ไม่ใช่เกิดจากอารมณ์ค้าง ที่น้องชายของผมแพ้การเลือกตั้ง เพราะการกระทำของสมาชิกพรรคพปชร.เกิดก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง หากผมจะยื่นร้องกกต.ก่อนการเลือกตั้ง ก็จะเกิดข้อครหาว่าทำลายคะแนนเสียงของคู่แข่ง และถ้าจะยื่นหลังการเลือกตั้งก็จะเกิดข้อครหาอีกว่าขัดขวางไม่ให้รับรองผลการเลือกตั้ง ผมจึงยื่นหลังจากที่นายอาณาสิทธิ์ ได้รับลองจากกกต.แล้ว จึงไม่ใช่การกระทำที่ขี้แพ้ชวนตี แต่ต้องการทำให้ความจริงปรากฏ”
เมื่อถามว่าการที่ยื่นร้องยุบพรรคพปชร.จะทำให้กระทบต่อการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายเทพไท ตอบว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเป็นการกระทำของสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งตนสามารถที่จะร้องต่อกกต.ได้ และตนยึดคำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพปชร.ที่พูดว่า ประชาธิปไตยไม่เกี่ยวกับมารยาททางการเมือง และเรื่องที่ตนยื่นต่อกกต. ฝ่ายกฎหมายของพรรคทราบแล้ว