คลิปลับ "คดีบอส อยู่วิทยา" พ้นผิด คณะกรรมการตำรวจอาจโดน 157

12 มี.ค. 2564 | 10:10 น.

"วิชา มหาคุณ" ชี้ คลิปลับคดีบอส อยู่วิทยา พ้นผิด โยง "บิ๊กตร.-บิ๊กอัยการ" คณะกรรมการตำรวจอาจเข้าข่ายกระทำผิดมาตรา 157

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนอันสืบเนื่องจากคดีบอส อยู่วิทยา จากคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 55 ซึ่งมีนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธาน

ตอนหนึ่งในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ออกอากาศเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2564 ดำเนินรายการโดย นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ นางสาวอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์  ได้สัมภาษณ์ นายวิชา มหาคุณ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เกี่ยวกับ คลิปลับ ดังกล่าวซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ปรากฏอยู่ในรายงานของคณะกรรมการชุดนี้ระบว่า เป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง “บิ๊กตำรวจ” กับ “บิ๊กอัยการ” และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีบอส อยู่วิทยา เรื่องเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถซึ่งมีผลต่อคดีดังกล่าวซึ่งหลักฐานสำคัญนี้ได้อยู่ในมือของ  พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.)  และ คณะกรรมการป.ป.ช.เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี  ในส่วนของตำรวจมีรายงานว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาและเสนอความเห็นเพื่อดำเนินการตามรายงานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติฯ ขึ้น เพื่อดูรายงานฉบับนี้ของนายวิชา ซึ่งเสียงข้างมากลงความเห็นว่า เสียงคลิป “บิ๊กตำรวจ” และ “บิ๊กอัยการ” ที่ปรากฏอยู่ในรายงานของนายวิชานั้น ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายให้ตัดทิ้ง

นายวิชา ได้กล่าวตั้งข้อสังเกตผ่านรายงานเจาะลึกทั่วไทยว่า กระบวนการทั้งหลายในการสืบสวนสอบสวนนั้น ถามว่า มันต้องเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยชอบเสมอไปหรือไม่ ซึ่งหากไปดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226/1 โดยหลักแล้ว เช่น กรณีพยานหลักฐานที่ชอบ เช่น ไปปล้นแต่ไม่มีพยานหลักฐาน แต่ปรากฏคลิปขึ้นมาว่า มีการปล้นเกิดขึ้น เนื่องจากมีคนแอบถ่ายไว้ ซึ่งจุดนี้บอกว่า ไม่ให้ศาลรับฟัง ใช่ แต่ก็มีข้อยกเว้น 2 ประการ คือ 1.คุ้มครองประโยชน์อันเกี่ยวกับระบบความยุติธรรม และ 2.เป็นประโยชน์กับประชาชน

"กระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ศาลจะต้องพิจารณาซึ่งไม่ใช่คณะกรรมการใดกรรมการหนึ่งเป็นคนพิจารณา โดยคณะกรรมการเหล่านี้ต้องเสนอแนะแนวความเห็น และหากไปดำเนินคดีกับใคร คนใด แล้วหยิบหลักฐานนี้ขึ้นมาเพื่อโต้แย้งว่า ทำไมไม่ดำเนินการก็จะเข้าข่ายกระทำผิดมาตรา 157" 

นายดนัย : แต่ดูจากท่าทีของตำรวจชุดดังกล่าวเหมือนจะไม่กลัว ม. 157 เพราะกล้าทำความเห็นจากคณะกรรมการฯไปที่ ผบ.ตร. ทำความเห็นขึ้นไปว่า คลิปที่อาจารย์ได้มานั้นอัดเสียงบิ๊กๆสั่งเปลี่ยนความเร็วรถนั้นได้มาโดยมิชอบให้ตัดออก

อ.วิชา:  เขาไม่กลัวเพราะว่า คณะกรรมการชุดนี้เป็นการตั้งคณะกรรมการอันเนื่องมาจากองค์กรตำรวจเอง อาทิ สตช. ซึ่งแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการชุดหนึ่ง คือ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติซึ่งเป็นการรวมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริต ซึ่งก็คือ ท่านนายกฯ ท่านรองวิษณุฯ ก็คงจะส่งเรื่องนี้มาให้เพื่อให้พิจารณาว่ามีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องนี้ ที่ว่าจะตั้งธง ตั้งแท่น อย่างไรก็นั้น

แต่ว่าอย่างน้อยเราก็ได้เห็นความกล้าหาญของเสียงข้างน้อยอยู่ เรื่องนี้ไม่ใช่ว่ามีความเห็นเอกฉันท์ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณพล.ต.อ.ชนะสิทธิ์ ซึ่งเป็นประธาน เป็นเสียงข้างน้อยที่โต้แย้งว่า ต้องมีการสอบสวนต่อว่า เรื่องนี้ได้รับการรับรองแล้วเพราะมีการส่งคลิปและเสียงไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว จะเอาผมไปเป็นพยานเบิกความในชั้นศาลก็ได้ ว่ามีการสมคบคิดกันอย่างไร ตอนนี้ผมก็กำลังดูใจท่าน ผบ.ตร.อยู่

ทราบว่า ตอนนี้ทางป.ป.ช.เองก็กำลังเร่งสืบทราบอยู่ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะส่งไปรวมที่ ป.ป.ช. เพราะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่ทั้งระดับล่างและระดับบน ผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้น เพื่อความกระจ่างในการตรวจสอบ ซึ่งผมก็ไมได้ว่า ใครผิดใครถูก ก็ไปตรวจสอบกัน

ผมก็บอกว่าแล้วว่า ท่านนายกฯจะส่งเรื่องนี้ให้กลับ ป.ป.ช.เพื่อที่จะไปดำเนินการให้หน่วยงานต่างๆ ซึ่งแต่ละหน่วยก็มีการแจ้งข่าวให้ทราบเป็นระยะ แต่เราก็ต้องไม่ทำอะไรที่อึกทึกครึกโครมหรือโวยวาย เพราะเราไม่เกี่ยวแล้ว

สิ่งที่ท่าน ผบ.ตร.หรือ คณะของตำรวจ จะตัดสินก็ดี มันจะมีผลกระทบโดยตรงต่อการพิจารณาร่างกฎหมายตำรวจแห่งชาติ เพราะมันจะแสดงให้เห็นว่า แล้วเราจะเชื่อถือเรื่องนี้ได้อย่างไร ซึ่งผมกำลังทำให้คนเชื่อนะ ว่ายังน่าเชื่อถืออยู่ เพราะฉะนั้น การเดินทางสายนี้ ยอมรับว่า มันขรุขระ เพราะมันต้องถูกกดดันเยอะ แต่ต้องยึดหลักว่า อย่าปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ

ดนัย : สำหรับคลิปลับคลิปนี้ มันมีเสียง 1 บิ๊กตำรวจ 1 บิ๊กอัยการ พยายามโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในสำนวนในคดีนั้นเปลี่ยนความเร็วของรถเฟอรารี่ ไฮไลท์อยู่ตรงนี้ใช่ไหมครับ

อ.วิชา: มันมีคนที่อยู่ในสถานะของ มีหน้าที่ เป็นบิ๊กตำรวจซึ่ง จะบิ๊กหรือไม่บิ๊ก อย่างไรก็แล้วแต่เขาก็ต้องร้อนตัวต้องดิ้นรนซึ่งผมก็เห็นใจ ในการที่จะโต้แย้งคัดค้านกัน การที่จะทำให้ระงับไปก็เป็นหนทางหนึ่ง แต่ว่าเรื่องมันเมื่อเกิดขึ้นแล้วคนติดตาม ไม่ใช่การติดตามเพียงแค่เล็กน้อย แต่คนติดตามเรื่องนี้กันทั้งประเทศ

อมรรัตน์: สำหรับคลิปนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญของคดีนี้เลยใช่ไหมคะ

อ.วิชา: ที่เราตัดสินใจส่งเรื่องให้ก็เพราะว่า ต้องการให้ไปทำหน้าที่เพื่อที่จะหาคนผิดโดยเร็วตามที่ประชาชนเรียกร้อง ไม่งั้นเราก็ถ่วงเวลาไว้ก็ได้ ยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ เช่น บอกว่ายังหาตัวไม่ได้ หรือเงียบๆไปเลยเราก็ต้องการให้ประชาชนได้เห็นว่า วิธีการทำงานที่รวดเร็วทำอย่างไร แต่ก็ต้องมีการรับช่วง ไม่ได้หมายความว่า เราทำแล้วเบ็ดเสร็จ ไปชี้ว่าเขาผิดเขาถูก เขาก็ยังมีโอกาสต่อสู้ไป แต่ว่ากระบวนต่อสู้ต้องเอามาขึ้นบนดินแล้ว ไม่ใช่อยู่ใต้ดิน

ดนัย: จากคลิปนี้ที่บอกว่า มีเสียงของอัยการ ไม่ใช่ รองเนตร (นาคสุข) 

อ.วิชา: ยืนยันว่า ไม่ใช่

ดนัย: แต่เป็นเสียงบิ๊กอัยการคนหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในข่าวใช่ไหมครับ

อ.วิชา : คนที่เรารู้ว่าเป็นใคร

ดนัย: แต่ชื่อของอัยการคนนี้ยังไม่เป็นข่าวถูกต้องไหมครับ

อ.วิชา : ถูกต้องครับ

ดนัย: ชื่อนำหน้าด้วย ช. ช้าง หรือเปล่าครับ

อ.วิชา : อย่าให้ผมพูดออกไปเลย นี่เป็นคำถามของคุณดนัยนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน

ดนัย : แล้ว ชื่อของ “บิ๊กตร.” คนนี้นั้น อยู่ในข่าวอยู่แล้ว

อ.วิชา : ก็วนเวียนอยู่นั้นล่ะครับ อยากให้รู้กันว่า ในที่สุดแล้วมันก็อยู่ในมือของสื่อทั้งหลาย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ขอยืนยันว่า เรื่องนี้ยังไม่มีการชี้ว่า ใครถูกใครผิด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: