พ่อค้าหัวใสตั้งเคาน์เตอร์ในห้างบิ๊กซี มหาชัย 2 รับชำระเงินค่าซื้อสินค้าและบริการจากทางห้าง ที่ชำระด้วยบัตรคนจนและแอปฯเป๋าตัง โดยคิดค่าหัวคิวเพิ่ม 5 % ห้างปฏิเสธลั่นไม่เกี่ยวข้อง เป็นของผู้เช่าภายนอก คลังจังหวัดสมุทรสาครชี้ผิดกฎหมาย ผู้เสียหายร้องกระทรวงคลังได้
กระแสการจับจ่ายจากเงินเยียวยาผู้ประสบภัยโควิด-19 เป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อรัฐเริ่มทะยอยโอนวงเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ได้รับสิทธิกลุ่มต่าง ๆ โดยต้องนำไปซื้อสินค้าและบริการแล้วชำระเงินด้วยการใช้แอปพลิเคชั่น"เป๋าตัง" ซึ่งจะมีการโอนค่าใช้จ่ายแก่ผู้ค้ารายย่อย ที่ต้องลงทะเบียนในระบบด้วยเช่นกัน เพื่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าและบริการจริง แต่ยังปรากฎข่าวมีการสมคบแจ้งเท็จ หรือโอนซื้อขายสิทธิโดยไม่มีการซื้อขายจริง เป็นการแสวงประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งถือว่าผิดเงื่อนไขและผิดกฎหมายอยู่เนือง ๆ
ล่าสุด มีกระแสบอกกล่าวต่อ ๆ กันว่า ผู้มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือในโครงการไทยชนะ สามารถไปซื้อของในห้างบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต สาขามหาชัย 2 ตั้งอยู่ที่ถนนเอกชัย ตำบลโคกขาม อำเภอเมือง สมุทรสาคร โดยขอคิดเงินเพิ่ม 5 % ของยอดซื้อสินค้าจากผู้ที่มาซื้อสินค้าภายในห้าง เมื่อมีการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่น"เป๋าตัง" ทั้งที่รัฐยังไม่เปิดให้ห้างค้าปลีกใหญ่เข้าร่วม
ผู้สื่อข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” ห้างบิ๊กซี สาขามหาชัย 2 ที่ถูกร้องเรียน พบว่า บริเวณจุดขึ้น-ลงบันไดเลื่อน ชั้นที่ 2 ซึ่งอยู่ใกล้เคาน์เตอร์แคชเชียร์ของทางห้างฯ มีการตั้งเคาน์เตอร์แยกออกมาพร้อมติดป้ายระบุ รับชำระเงินสำหรับผู้ที่ใช้แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” เพื่อชำระเงินค่าซื้อสินค้าจากทางห้างฯ ตามโครงการเราชนะ โครงการคนละครึ่ง โครงการ ม.33 - เรารักกัน และผู้ที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พนักงานที่นั่งในเคาน์เตอร์ดังกล่าวตอบว่า เป็นเคาน์เตอร์ของห้าง
ผู้สื่อข่าว“ฐานเศรษฐกิจ” จึงโทรศัพท์ไปยังโทรศัพท์หมายเลข 088-555-XXXX ที่ตั้งแสดงอยู่บนเคาน์เตอร์ ผู้รับสายโทรศัพท์รับว่าชื่อนายสมชาย (ขอสงวนนามสกุล) และลงทะเบียนร้านค้ากับแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ในนาม “สมชายการค้า” ทำการค้าขายของชำ เมื่อสอบถามถึงพฤติกรรมเป็นคนกลาง รับชำระค่าซื้อขายสินค้าและบริการในโครงการแทนทางห้าง โดยคิดค่าบริการเพิ่ม 5 % นายสมชายรีบกล่าวว่า หากเป็นเรื่องผิดระเบียบของโครงการฯก็พร้อมจะยกเลิก และได้สั่งพนักงานให้เก็บเคาน์เตอร์ดังกล่าวกลับทันที
กรณีดังกล่าวนายธวัชชัย ชมแก้ว รองผู้จัดการห้าง “บิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต สาขามหาชัย 2” ชี้แจงว่า เคาน์เตอร์ที่รับชำระเงินจากผู้ซื้อสินค้าตามโครงการช่วยเหลือประชาชนของรัฐดังกล่าว เป็นของร้านค้าภายนอก ที่มาเช่าพื้นที่ขายสินค้า แล้วไปดำเนินการรับชำระเงินให้ผู้ซื้อสินค้าภายในห้างฯ โดยคิดค่าบริการเพิ่ม 5 % เอง ทางห้างฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเคาน์เตอร์ของผู้เช่ารายนี้ ทั้งนี้เพราะทางห้างไม่ได้เข้าโครงการที่รับชำระเงินด้วยบัตรประชารัฐ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการที่ใช้แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ส่วนห้างบิ๊กซี สาขาอื่น ๆ จะมีการดำเนินการอย่างนี้อีกหรือไม่ ตนไม่ทราบ
ทางด้านนายอานนท์ จันทร์สุข นักวิชาการคลังชำนาญการพิเศษ สำนักงานคลังจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า การคิดเงินค่าสินค้าเพิ่มขึ้นแบบการกินหัวคิวนั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจากร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนไว้กับแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ต้องขายสินค้าของตนเอง ไม่ขายเกินราคาควบคุม และเงินจะต้องเข้าถุงเงินของตนเอง การไปรับชำระเงินค่าสินค้าแทนผู้อื่นแล้วกินหัวคิวเช่นนี้ ถือว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
ซึ่งผู้พบเห็นหรือผู้ได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ [email protected] หรือ [email protected] โทรศัพท์ 02-2739202 ต่อ 3697,3527,3548,3590 หรือส่งทางไปรษณีย์ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ถนนพระรามที่ 6 ซอยอารีย์สัมพันธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 ซึ่งเมื่อทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ได้รับเรื่องแล้ว ก็จะแจ้งมอบอำนาจให้ทางสำนักงานคลังจังหวัดสมุทรสาคร ไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ทางสำนักงานคลังจังหวัดสมุทรสาคร ยังไม่สามารถดำเนินการเองได้ ในการที่จะไปแจ้งความหรือร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่กระทำผิด
“ร้านค้ารายใหญ่ในตัวเมืองมหาชัยและในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อจะมาเข้าระบบในการชำระเงินตามโครงการต่าง ๆ ของกระทรวงการคลัง มักจะเข้ามาตรวจสอบและสอบถามที่สำนักงานคลังจังหวัดฯ ก่อน เพื่อดูว่าการดำเนินงานที่เตรียมทำอยู่นั้นผิดระเบียบหรือไม่ แต่กรณีของห้างบิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต สาขามหาชัย 2 นั้น ไม่ได้มีการติดต่อสอบถามเข้ามา นอกจากนั้นโครงการเงินช่วยเหลือจากรัฐเหล่านี้ ยังมีปัญหาเรื่องที่ประชาชนบางรายอยากได้เงินสด ก็ไปสมรู้ร่วมคิดกับทางร้านค้า โดยยอมให้หักเงินค่าสินค้าไปเต็มราคา แต่ไม่รับสินค้ากลับมา โดยขอรับเป็นเงินสดกลับมาแทนในอัตรา 50-80 % ของวงเงินค่าสินค้าที่ซื้อโดยใช้แอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” จึงอยากขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบว่าอย่าทำ เพราะถือเป็นการผิดกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดี และเป็นการทำผิดนโยบายของรัฐ ที่ต้องการช่วยค่าครองชีพให้ประชาชน โดยรัฐประสงค์ให้นำเงินที่ได้รับ ไปใช้จ่ายในเรื่องการซื้อสินค้าประจำวัน” นายอานนท์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง