“ดร.พิมพ์รพี”เตือนรัฐอย่าประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวดีเกินไป

09 มี.ค. 2564 | 11:30 น.

“ดร.พิมพ์รพี”เตือนรัฐอย่าประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวดีเกินไป ไม่เชื่อไตรมาสสี่จะฟื้น แม้ฉีดวัคซีนทั่วโลก แต่กว่านักท่องเที่ยวจะเข้าไทย ต้องรอกลางปี-ปลายปี 65 แนะเร่งมาตรการ “จำศีลธุรกิจท่องเที่ยว”ให้อยู่รอด เปิดช่องทางพิเศษเร่งอนุญาตวัคซีนโควิด 

ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภายในประเทศกระจายในหลายจังหวัดแล้วว่า แม้จะยังไม่ถึงนักท่องเที่ยวแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ถือเป็นข่าวดี สร้างความหวังให้กับธุรกิจท่องเที่ยวในทางจิตวิทยาได้ แต่การท่องเที่ยวของประเทศไทยส่วนใหญ่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 80 ของการท่องเที่ยวทั้งหมด นอกนั้นเป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศ สิ่งที่ต้องติดตามคือ ท่องเที่ยวต่างประเทศจะกลับมาเมื่อไหร่ จึงจะบอกได้ว่าการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ 

โดยในส่วนของจังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวราว 7 ล้านคน ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 1 ล้านคน หายไปราวร้อยละ 85 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบ “แอเรียควอรันทีน” ในเดือนเมษายนนี้ นำร่อง 5 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี  (เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงัน) และชลบุรี (พัทยา) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ การท่องเที่ยวในประเทศยังไม่สามารถกระตุ้นได้มากนัก จึงต้องการให้มีมาตรการรองรับทางด้านการเงิน เพื่อต่อสายป่านให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ประคับประคองการจ้างงาน 

ทั้งนี้การประมาณการของรัฐบาลคาดว่าในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ การท่องเที่ยวจะเริ่มดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ไม่ได้ดีอย่างที่รัฐบาลคิด เพราะธุรกิจท่องเที่ยวติดลบมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว การจะฟื้นตัวได้คือนักท่องเที่ยวต่างประเทศต้องเดินทางมาได้ แต่ในขณะนี้แม้จะมีการฉีดวัคซีนกันทั่วโลกแล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องการเดินทางอยู่ดี

                                              “ดร.พิมพ์รพี”เตือนรัฐอย่าประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวดีเกินไป

“สิ่งที่ต้องการร้องขอคือ มาตรการจำศีลธุรกิจในทุกห่วงโซ่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในทุกห่วงโซ่  ซึ่งหากฉีดวัคซีนได้ทั่วโลกได้ภายในปีนี้ กว่านักท่องเที่ยวจะมาจริงน่าจะเป็นกลางปีหรือปลายปี 2565 การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยประคับประคองให้ธุรกิจท่องเที่ยวอยู่รอดจากนี้ไปอีกสิบเดือน เพื่อรอการฟื้นฟูของธุรกิจท่องเที่ยว เพราะมาตรการของรัฐในขณะนี้ยังไม่เพียงพอ ให้เฉพาะธุรกิจที่พอจะเดินได้ 

แต่ธุรกิจขนาดเล็กมากกว่าร้อยละ 80 เข้าไม่ถึงแหล่งทุนอย่างแท้จริง จึงไม่มีความแน่นอนว่าจะมีธุรกิจไปต่อได้แค่ไหน การที่คนในธุรกิจท่องเที่ยวโวยวายน้อยลง ไม่ได้หมายความว่าเข้าได้รับการเยียวยาแล้ว แต่เพราะตกอยู่ในสภาพต้องทำใจมากกว่า ทุกวันนี้ยังมีธุรกิจท่องเที่ยวทยอยปิดตัวลงเรื่อย ๆ ประเมินเบื้องต้นน่าจะมีธุรกิจที่เดินต่อไม่ได้มากกว่าร้อยละ 30 ” ดร.พิมพ์รพี กล่าว

พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณาเพื่ออนุญาตให้ภาคท่องเที่ยวซื้อวัคซีนได้ก่อน ด้วยการเปิดช่องทางพิเศษ เช่น วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ที่รอจดทะเบียนกับ อย.อยู่ รวมถึงจัดหาวัคซีนยี่ห้ออื่น ๆ เพิ่มเติม หากเปิดทางส่วนนี้ได้สัก 3-4  แสนโดส มาฉีดให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องใช้เงินรัฐ รัฐบาลทำหน้าที่ประสานงานเท่านั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ ถ้าทำได้ธุรกิจท่องเที่ยวจะหมุนเร็วขึ้น ซึ่งในการบริหารจัดการจะไม่ไปเบียดบังในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ แต่เป็นการเพิ่มทางเลือกโดยภาคเอกชนออกเงินเอง