เปิดหุ้นไทย 4 กลุ่ม รับอานิสงส์กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

08 มี.ค. 2564 | 09:18 น.

บล.เมย์แบงก์ เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านตามคาด ชี้หุ้นไทย 4 กลุ่ม ธนาคาร, พลังงาน, บริการ และส่งออก รับอานิสงส์ระยะกลาง-ยาว

นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ประเมินว่า สหรัฐผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐตามที่ตลาดคาด ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาวุฒิสภาสหรัฐฯมีมติ 50 ต่อ 49 เสียง ลงคะแนนผ่านมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รายละเอียดดังนี้ 1)เงินช่วยเหลือโดยตรง (ให้ครั้งเดียว) 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ และคู่สมรสที่มีรายได้รวมกันน้อยกว่า 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็นวงเงิน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

นอกจากนี้ 2)เงินช่วยเหลือคนว่างงานเพิ่มขึ้นคนละ 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ (ลดลงจากแผนจากสภาล่างในสัปดาห์ก่อนที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐ) และจะขยายระยะเวลาการจ่ายถึง 6 กันยายน 2565 จากเดิมที่สิ้นสุดในสัปดาห์นี้ 3)จัดสรรเงิน 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นแต่ละรัฐ 5)งบประมาณเพื่อขยายการตรวจเชื้อ วิจัยไวรัสโควิด-19 และยับยั้งการขยายของไวรัสโควิด-19 วงเงิน 160,000 ดอลลาร์สหรัฐ 6)ยังไม่มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดย Timeline ในช่วงถัดไปจะส่งกลับไปยังสภาล่าง(คาดโหวตอังคารนี้) และท้ายที่สุดคาดไบเดนจะสามารถลงนามได้ทันก่อน 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการเยียวยาเดิมจะสิ้นสุดลง

ในขณะที่ภาคบริการได้ประโยชน์จาก Pent-up Demand และ Dollar แข็งค่าระยะยาว การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 8.9% ของ GDP สหรัฐในปี2562 จะส่งผลให้ อุตสาหกรรมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการได้ประโยชน์ (เช่นเดียวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบก่อน) แต่ในครั้งนี้ธุรกิจภาคบริการที่มี Pent-up Demand จะมีแรงกระตุ้นให้ฟื้นได้เร็วเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ต่างจากครั้งก่อนที่อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการเว้นระยะห่าง (WFH) ของตกแต่งบ้าน สินค้า IT ที่ได้ประโยชน์มากกว่า โดยเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาดส่งผลให้ Dollar ระยะกลาง-ยาวมีทิศทาง แข็งค่า แต่ในระยะสั้น จากวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่เม็ดเงินค่อนข้างสูง อาจส่งผลให้ Dollar อ่อนค่าชั่วคราว

สำหรับกลุ่มหุ้นไทยที่ได้ประโยชน์ในระยะกลาง-ยาว 1) BANK: ยังเป็นหุ้นกลุ่มหลักในฐานะหุ้นวัฎจักรที่ได้อานิสงส์บวกจากภาวะ Reflation อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2) ENERGY PETRO: ทิศทางราคา Commodity โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบจะตอบรับเชิงบวกจากปัจจัยด้านอุปสงค์3) SERVICES (TOURISM, TRANS): หุ้นกลุ่มบริการที่โดนผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤต COVID-19 น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว จาก Pent-up Demand ที่จะกลับมาได้แรงกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบก่อนๆเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ปัจจุบันเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการกระจายวัคซีนที่เร็วกว่าคาด และ 4) EXPORT (Electronics Food IE Packaging): หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ได้ประโยชน์ จากแนวโน้ม Dollar ที่เจอจุดต่ำสุด และเข้าสู่รอบการแข็งค่าในระยะยาว