อินเทลจ่อปลดพนักงาน1.2หมื่น หันหัวธุรกิจออกจากผลิตชิปPC

25 เม.ย. 2559 | 02:00 น.
อินเทล คอร์ป ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ประกาศแผนปรับลดพนักงาน 12,000 ตำแหน่ง เพื่อตอบสนองต่อยอดขายในตลาดคอมพิวเตอร์ที่ลดลง และปรับธุรกิจให้เน้นไปที่คลาวด์คอมพิวติ้งและสมาร์ทดีไวซ์มากขึ้น

อินเทล เปิดเผยในระหว่างการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมา ว่าเตรียมปรับลดจำนวนพนักงานลง 12,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็นประมาณ 11% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด โดยไบรอัน เคอร์ซานิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทล กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า "เรากำลังวิวัฒนาการจากบริษัทคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไปเป็นบริษัทที่มีบทบาทในธุรกิจคลาวด์และอุปกรณ์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตจำนวนหลายพันล้านเครื่อง"

อินเทลกล่าวว่า จะดำเนินการลดพนักงานไปจนถึงกลางปี 2560 และจะมีการควบรวมสำนักงานที่บริษัทมีอยู่ทั่วโลก อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเปิดเผยว่าการลดพนักงานจะเกิดขึ้นในส่วนใดบ้าง โดยอินเทลมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซานตา คลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีโรงงานผลิตอยู่ที่รัฐโอเรกอนและอริโซนา สหรัฐอเมริกา รวมถึงในจีน เม็กซิโก อิสราเอล และไอร์แลนด์ ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าการปรับโครงสร้างในครั้งนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ และ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปจนถึงกลางปี 2560

ในเวลาที่ยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) มีแนวโน้มที่จะลดลงเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน อินเทลจำเป็นต้องหาช่องทางรายได้อื่นๆ เข้ามาทดแทนรายได้จากการผลิตชิปสำหรับคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ เคอร์ซานิคให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ท้ายที่สุดแล้วตลาดพีซีจะฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทต้องสร้างการเติบโตจากด้านอื่นๆ ด้วย เช่น คอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์ ศูนย์ข้อมูล และอุปกรณ์อัจฉริยะ เป็นต้น

"เรากำลังปรับเปลี่ยน ธุรกิจพีซีจะลดลงถึงจุดต่ำสุดและฟื้นขึ้นมา แต่เราจำเป็นต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างกำไรให้สูงสุดในระหว่างนั้น พร้อมกับปรับทิศทางไปสู่ด้านที่มีการเติบโตเร็วกว่า" เคอร์ซานิคกล่าว

แผนการปรับลดพนักงานในครั้งนี้นับเป็นการลดพนักงานครั้งใหญ่สุดของอินเทลนับตั้งแต่ช่วงปี 2548-2551 ซึ่งบริษัทต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันที่ส่งผลกระทบกับการเติบโต เคอร์ซานิคกล่าวว่า บริษัทไม่ได้ต้องการเพียงลดค่าใช้จ่ายด้วยการลดพนักงาน แต่พยายามจะจัดระเบียบทรัพยากรเพื่อหันไปให้ความสำคัญในด้านที่สามารถเติบโตได้ดีในอนาคต

บริษัทวิจัย ไอดีซี ประเมินว่า ยอดขายคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลกลดลง 9.6% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ นับเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันแล้วที่ยอดขายลดลง และทำให้ยอดขายรวมอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2550

ทั้งนี้ อินเทลรายงานผลกำไรสุทธิในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 2.7% เป็น 2.05 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 42 เซ็นต์ต่อหุ้น ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น 7.2% เป็น 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อินเทลประมาณการว่ายอดขายในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ประมาณ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตลอดทั้งปีคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ในระดับประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตลงเนื่องจากตลาดพีซีหดตัวลงมากกว่าความคาดหมาย โดยคาดว่าจะหดตัวในระดับใกล้เคียง 10%

กลุ่มธุรกิจชิปสำหรับคอมพิวเตอร์พีซีทำรายได้ในไตรมาสแรกไป 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 14% จากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 โดยธุรกิจดังกล่าวทำรายได้เป็นสัดส่วน 55% ของรายได้ทั้งหมดของอินเทล ขณะที่ธุรกิจศูนย์ข้อมูลมีรายได้ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน แต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่อินเทลตั้งไว้เกินกว่า 10%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,151 วันที่ 24 - 27 เมษายน พ.ศ. 2559