คนจะนะเกิน 80% เห็นด้วยแนวทางเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต

01 มี.ค. 2564 | 14:30 น.

ศอ.บต. เผยผลสำรวจชาวจะนะกว่า 80% เห้นด้วยกับแนวทางเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต

            นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า  ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับโครงการ “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ซึ่งจะก่อสร้างในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพราะได้รับข้อมูลที่เป็นจริง ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 และวันที่ 21 มกราคม 2563 รวมทั้งแนวทางการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ นับตั้งแต่วันที่มีมติเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันและที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต  โดยการจัดเก็บข้อมูลตั้งแต่วันอังคารที่ 23 มิถุนายน จนถึงวันที่ 28 มิถุนายน มีประชาชน 87% เห็นด้วยกับแนวทางของโครงการเมืองต้นแบบ และมีข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะในหลายประเด็น

            ส่วนในกรณีผลกระทบกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่นั้น ในอนาคตจะมีคนมาเที่ยวเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะทะเลที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เองก็อยู่ไม่ห่างจากมาบตาพุด เมืองอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง  โดยการทำพื้นที่เป็นสวนอุตสาหกรรมไม่ได้หมายถึงทะเลจะหายไปทั้งหมด หรือแม้แต่การมีท่าเรือก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่ท่องเที่ยวหายไป ถ้าจิตสำนึกของประชาชนยังคงรักและดูแลเอาใจใส่

ขณะที่ปัญหาคนยากจนในพื้นที่ จะมีโครงการ 1 ตำบล 1 พื้นที่สาธารณะ ปัจจุบันอยู่ระหว่างให้กรมที่ดินเร่งรัด หากสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ ก็จะนำประชาชนไปอยู่พื้นที่ตรงนั้น ก็จะมีพื้นที่ทำมาหากินด้วย

สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 โดย อ.จะนะ ถูกผูกในแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน มาตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 59 ก่อนเป็นมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 59 แต่การดำเนินงานจริงถูกกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า จะดำเนินการภายหลังเมืองต้นแบบทั้ง 3 เมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เดินหน้าไปในระดับหนึ่งแล้ว ประกอบด้วย อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 62 ให้ความเห็นชอบเพียงหลักการเท่านั้น พร้อมกับสั่งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นั่นหมายถึงการเสนอเชิงนโยบายที่จะให้ทุกภาคส่วนไปร่วมกันวางแผนการทำงานร่วมกัน
 

นอกจากนี้ ครม.ยังสั่งการให้ไปสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชน และสร้างความร่วมมือให้ได้มากที่สุด โดยการทำงานนั้นให้ใช้อำนาจตามมาตรา 10 ประกอบมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 (การประกาศเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และการโอนอำนาจให้เลขาธิการ ศอ.บต.ขับเคลื่อนงานแทน) เป็นกรอบการทำงานตามกฎหมาย 

การทำงานในระยะต่อไป จะเริ่มกระบวนการศึกษาในพื้นที่ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นต้น ซึ่งเป็นรายงานการศึกษาที่สำคัญมากที่สุดว่าจะทำอะไร พื้นที่ไหนได้มากเท่าไหร่ ผลกระทบทั้งบวกและลบเป็นอย่างไร ก่อนเสนอให้ประชาชนร่วมคิดร่วมออกแบบ
              อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญยังจะมีรายงานการศึกษาที่ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์ ทั้งด้านการศึกษา แรงงาน การศึกษายกระดับงานสาธารณสุขในพื้นที่ การเตรียมความพร้อมของประชาชน และการเชื่อมโยงโอกาสการพัฒนาเชิงพื้นที่ รวมถึงการจัดตั้งกองทุนการบริหารจัดการพื้นที่ผ่าน "ธรรมนูญชุมชน" ซึ่งเป็นเรื่องที่กำหนดไว้ในกรอบการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อันเป็นเรื่องที่กำหนดไว้ในกฎหมายและมติ ครม. อย่างชัดเจนเคร่งครัด
              มติ ครม. ที่ผ่านมายังไม่มีการอนุมัติงบประมาณอะไรเพื่อสนับสนุนการทำงานของเอกชน นอกจากกระบวนการทำงานสื่อสารสร้างความเข้าใจ และการจัดทำกรอบการบริหารและการพัฒนาพื้นที่ตามนัยแห่งมาตรา 10 พระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ฯ เท่านั้น  เมื่อต้องดำเนินการตามมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานที่มีบทบาทการทำงานเพียงหน่วยเดียวในประเทศไทย ก็คือ ศอ.บต. ซึ่งถือเป็นการทำงานที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :