มาสด้า – ฟอร์ด ฟุ้งยอดขาย Q1 โต ด้านตลาดรวมชะลอตัว ติดลบ 8%

27 เม.ย. 2559 | 06:00 น.
ไตรมาสแรกปี 59 ยอดขายรถยนต์รวมยังหดตัว 8 % แต่เฉพาะเดือน มี.ค.เริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 2 เดือนแรกของปี ด้านค่ายผู้ผลิตประเมินตลาดเริ่มส่งสัญญาณบวก "มาสด้า" ชี้อานิสงส์จากงานมอเตอร์โชว์จะทำให้ยอดเดือนเม.ย.ยังโตต่อเนื่อง ด้านฟอร์ดมั่นใจเตรียมลงทุนเพิ่มกว่า 6 พันล้านเพิ่มกำลังการผลิตเรนเจอร์ป้อนตลาดโลก

[caption id="attachment_47365" align="aligncenter" width="503"] ford ford[/caption]

หอการค้าญี่ปุ่น – กรุงเทพฯ รายงานตัวเลขการขายรถยนต์ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2559 พบว่ามียอดรวมทั้งสิ้น 182,007 คัน ลดลง 8.0 % เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มียอดขาย 197,007 คัน โดย โตโยต้า มียอดขาย 50,513 คัน ลดลง 27.9 % อีซูซุ มียอดขาย 36,413 คัน เติบโต 1.4 % ฮอนด้า มียอดขาย 25,028 คัน ลดลง 14.9% มิตซูบิชิ มียอดขาย 16,628 คัน เติบโต 15.7 % นิสสัน มียอดขาย 12,701 คัน ลดลง 14.5% มาสด้า มียอดขาย 10,904 คัน เติบโต 36.4 % ฟอร์ด มียอดขาย 8,653 คัน เติบโต 28.9 % ซูซูกิ มียอดขาย 5,285 คัน เติบโต 3.4 % และเชฟโรเลต มียอดขาย 3,622 คัน ลดลง 13.7 %

ขณะที่ตัวเลขการขายเฉพาะเดือนมีนาคม 2559 พบว่ามียอดขายรวมทั้งสิ้น 73,093 คัน ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มียอดขาย 74,117 คัน อย่างไรก็ตามยอดขายในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ที่มียอดขาย 57,093 คัน และในเดือนมกราคม ที่มียอดขาย 51,821 คัน

โดยยอดขายเดือนมีนาคม 2559 ของค่ายต่างๆพบว่า โตโยต้า มียอดขาย 21,101 คัน ลดลง 23.1 % อีซูซุ มียอดขาย 13,198 คัน เติบโต 2.0 % ฮอนด้า มียอดขาย 11,352 คัน เติบโต 8.1% มิตซูบิชิ มียอดขาย 6,963 คัน เติบโต 100 % นิสสัน มียอดขาย 4,848 คัน ลดลง 19.3% มาสด้า มียอดขาย 3,871 คัน เติบโต 49.6% ฟอร์ด มียอดขาย 3,280 คัน เติบโต 31.9 % ซูซูกิ มียอดขาย 2,112 คัน ลดลง 4.0 % และเชฟโรเลต มียอดขาย 1,420 คัน ลดลง 5.8 %

นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของบริษัทสามารถทำได้กว่า 10,904 คัน เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 7,995 คัน และเมื่อดูเฉพาะเดือนมีนาคม 2559 พบว่า มียอดขายทั้งสิ้น 3,871 คัน เพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากเดือนมีนาคม 2558

โดยรถยอดนิยมที่มียอดขายสูงสุดได้แก่ มาสด้า2 ที่ทำได้ 1,982 คัน เติบโต 99% และครองส่วนแบ่งตลาด 12.5% ในเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งขนาดเล็กและอีโคคาร์ ขณะที่มาสด้าซีเอ็กซ์-5 ใหม่ ทำยอดขายได้ 357 คัน เติบโตกว่า 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนครอสโอเวอร์รุ่นเล็กอย่างมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2558 จนถึงขณะนี้มียอดจำหน่ายไปกว่า 3 พันคัน

นายทาเกสึเอะ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาพรวมตลาดจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผู้บริโภคมีการระมัดระวังการใช้จ่าย แต่ทิศทางของตลาดรถยนต์นั้นเริ่มมีสัญญาณบวกที่จะฟื้นตัวดังจะเห็นจากยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ เช่นเดียวกับยอดขายของมาสด้าที่เติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

"ในเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งเราสามารถก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตลาด ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ของเราเป็นที่ต้องการของตลาด และเราก็ได้มีการทำงานกันอย่างหนักเพื่อจะตอบสนองความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ อาทิ เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบในสไตล์โคโดะ ดีไซน์ นอกจากนั้นแล้วการปรับโฉมใหม่ของโชว์รูมและศูนย์บริการ ทั้งการพัฒนาบุคลากร และการสำรองอะไหล่ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับจำนวนรถที่เราขายได้เพิ่มขึ้น"

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่ายอดขายรถในเดือนเมษายนยังมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากยอดจองรถภายในงานมอเตอร์โชว์ที่มาสด้าสามารถทำได้กว่า 3,557 คัน จะเริ่มทยอยส่งมอบในเดือนนี้เรื่อยไปจนถึงเดือนพฤษภาคม

ด้านนางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย แต่ฟอร์ดยังคงรักษาการเติบโตที่สวนทางกับอุตสาหกรรม โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในไตรมาสแรกอยู่ที่ 4.8 % เพิ่มขึ้น 1.4 จุดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีการเติบโตเป็นผลมาจากความนิยมในรถอเนกประสงค์อย่าง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์

" ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ สามารถทำยอดขายไตรมาสแรกได้ที่ 1,420 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดรถเอสยูวีขนาดกลางได้เกือบ 8% ส่วนฟอร์ด เรนเจอร์ มียอดขายก้าวกระโดด โดยเติบโตกว่า 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือ คิดเป็นยอดขายขาย 6,647 คัน และเมื่อดูจากภาพรวมรถกระบะทั้งหมด ฟอร์ด เรนเจอร์ ครองส่วนแบ่งในเซ็กเมนต์นี้ในช่วงไตรมาสแรกอยู่ที่ 8.2% เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งตลาดรวมตลอดปี 2558 ที่ 7.3%"

นางสาวยุคนธร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มความต้องการรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ทั้งตลาดในประเทศและจากตลาดภูมิภาคเอเชีย ทำให้ฟอร์ดมีการตัดสินใจลงทุนเพิ่มอีก 186 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6,269 ล้านบาท เพื่อขยายโรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ในจังหวัดระยอง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ จากปัจจุบันที่มีการผลิต ณ โรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย จังหวัดระยอง ที่คาดว่าจะเต็มกำลังการผลิตในเร็วๆ นี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,151 วันที่ 24 - 27 เมษายน พ.ศ. 2559