แนวโน้มราคาทองคำ หลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

28 ก.พ. 2564 | 22:00 น.

คอลัมน์ครบเครื่องเรื่องทอง โดย : MTS GOLD แม่ทองสุก

ราคาทองคำ ณ ขณะนี้เคลื่อนตัวในระยะสั้นๆ เป็นลักษณะของ Technical Rebound โดยที่ตลาดตอบรับกับความคาดหวังการมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วงเงินมูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญ โดย ณ ขณะนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาร่างดังกล่าวในสภาคองเกรส และคาดว่า มาตรการดังกล่าวจะมีกำหนดเส้นตายในวันที่ 14 มีนาคม 2564 เนื่องจากจะเป็นช่วงที่ครบวาระการช่วยเหลือคนว่างงานสหรัฐฯ

 

ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันมีความเห็นในเชิงขัดแย้งว่า ปริมาณเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำนวนมากเกินไป อย่างไรก็ดี MTS GOLD วิเคราะห์ว่า มาตรการดังกล่าวน่าจะสามารถผ่านและได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสได้ เนื่องด้วยภาพรวมพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา ขณะที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด แสดงความคิดเห็นที่สอดคล้องกันว่า สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯในเวลานี้ยังจำเป็นที่จะต้องมีการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า 1 ปี

 

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากการวิเคราะห์ในภาพรวม จะเห็นได้ถึงการปรับตัวดีขึ้นหลังจากเผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ยํ่าแย่ในช่วงการระบาดของ Covid-19 และมีการเติบโตเป็นไปตามที่เฟดแสดงความคิดเห็น คือ การเติบโตดังกล่าวมาจากการที่เศรษฐกิจได้รับแรงช่วยเหลือมาโดยตลอด ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงที่เฟดประกาศใช้ QE ช่วงปี 2008-2010 โดยช่วงแรกจะเห็นถึงการปรับขึ้นของราคาทองคำ แต่ในช่วงปลายปี 2010 ราคาทองคำกลับไม่ได้ตอบสนองในเชิงบวกเท่าไรนัก 

แนวโน้มราคาทองคำ หลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

นอกจากนั้น กองทุน SPDR โดยภาพรวมก็ยังมีการขายทองคำอย่างหนักมาโดยตลอดระยะเวลา 5 เดือน รวมขายสุทธิ 158.45 ตันและในเดือนก.พ. ก็ขายออกมาเกือบ 50 ตันจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันทองคำ

 

สะท้อนว่า ราคามีการตอบรับไปก่อนหน้านั้นและทำสูงสุดที่ 1,920 เหรียญ และปรับตัวลดลงหลังจากจบ QE ในปี 2010 เป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ดังนั้น หากเปรียบเทียบ QE ในรอบนั้นมาจากวิกฤติ Hamburger Crisis แต่รอบนี้เป็น Covid-19 Crisis ซึ่งรอบนี้ใช้เงินจำนวนมากกว่า และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยองค์รวมยังไม่ได้ฟื้นตัวมากเท่าไร เนื่องด้วย Balance Sheet ยังติดลบอยู่ในระดับสูง  MTS GOLD จึงวิเคราะห์ว่า มาตรการที่จะเกิดขึ้นในวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ น่าจะส่งผลบวกต่อทองคำในระยะสั้นๆเท่านั้น และคงไม่ได้ทำให้ราคาทองคำเกิด New High ใหม่ จาก High เดิมออนซ์ ที่สร้างไว้ปีที่แล้ว 2,075 เหรียญ/

 

ในทางเทคนิคพบว่า ราคาทองคำมีการหลุดระดับแนวรับสำคัญบริเวณ 1,860 เหรียญลงมา ในช่วงปลายเดือนม.ค. จึงเห็นราคาทองคำปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องทำตํ่าสุดแถว 1,760 เหรียญโดยประมาณ และปัจจุบันมี Technical Rebound จึงเห็นราคาดีดกลับมาบริเวณแนวต้านระยะสั้น 1,812 เหรียญ ภาพรวมราคาทองคำมีโอกาสรีบาวน์กลับไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,860 เหรียญได้ หลังจากที่มีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งหากทองคำทะลุ 1,860 เหรียญขึ้นไปได้ ก็จะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,900 เหรียญ ที่เป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยาอีกครั้งหนึ่ง 

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้ต้องปรับตัวขึ้นให้ได้เหนือ 1,900 เหรียญ มิเช่นนั้นจะทำให้ภาพหลักยังคงเป็นทิศทางขาลง จึงแนะนำให้นักลงทุนติดตามใกล้ชิดกับสภาพข่าว และการลงทุนในโลกปัจจุบันตอนนี้จะเป็นลักษณะของการลงทุนที่มีระยะสั้นมากขึ้นกว่าเดิม ตามสภาพเนื้อข่าว และมีการปรับเปลี่ยนสภาวะการลงทุนเป็นลักษณะ New Normal จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ให้ทันทั้งขาขึ้นและขาลงสลับกันไป รวมถึงยํ้าเน้นถึงความสำคัญในการบริหารพอร์ตการลงทุนให้สมดุล 

 

ที่มา : หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,657 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม พ.ศ. 2564