OR ของมันต้องมี

26 ก.พ. 2564 | 01:00 น.

OR ของมันต้องมี : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3657 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 18 ก.พ.-3 มี.ค.2564 By...เจ๊เมาธ์

 

>> เข้าสู่ปลายทางของเทศกาลการแจ้งผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นไทย ถึงตอนนี้บริษัทไหนขาดทุนหรือมีกำไรอย่างไร ก็คงพอที่จะได้เห็นกันแล้วนะคะ โดยภาพรวมแล้วก็ยังถือว่าหลายบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ยังพอรับได้...ส่วนหลายๆ บริษัทที่ยังจะขาดทุนไปบ้าง ถึงตอนนี้ก็เริ่มมองเห็นทางออกบ้างแล้วค่ะ ดูอย่างเช่น หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นที่จนถึงตอนนี้ก็เริ่มจะมองเห็นทางออกว่า การเดินทางจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในกลางปีนี้...แล้วก็น่าจะดีขึ้นเป็นปกติในช่วงปี 65

และในส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคารก็เห็นได้ชัดว่าเริ่มจะดีขึ้นเลยนับตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป ส่วนหุ้นกลุ่มโรงแรม...ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่างๆ ก็เริ่มมองเนทางออกว่าน่าจะพอไปได้ในปีนี้เช่นกันค่ะ สรุปแล้วภาพรวมถึงแม้ว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะดูยังนิ่งอยู่บ้าง...แต่ปลายทางแล้วทุกอย่างก็ยังดูดีเจ้าค่า

>> หุ้นที่แรงที่สุดในนาทีนี้คงไม่มีหุ้นตัวไหน ที่แรงไปกว่าหุ้นในกลุ่มที่เล่นกระแสเรื่องกัญชง...กัญชา ไปอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นพื้นฐานดีอย่าง STA ที่ประกาศว่าจะเข้ามาลุยธุรกิจนี้เต็มตัว ด้วยการเตรียมตัวปลูกพืชกัญชงเริ่มต้น 100-200 ไร่ ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทาง STA ออกมาประกาศว่าน่าจะมีกำไรถึงไร่ละ 1 ล้านบาทเลยทีเดียว ขณะเดียวกันก็ยังตั้งเป้าที่จะปลูกให้ได้ 2,000 ไร่ ภายในระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้ไป ซึ่งนั่นก็หมายความว่า โอกาสที่จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอีก 2 พันล้านบาทเฉพาะในส่วนของตลาดกัญชงในอีก 5 ปีข้างหน้าก็มีความเป็นไปได้ ดูเหมือนกัญชงจำนวน 2,000 ไร่ ก็จะทำให้รายได้ของ STA มีเพิ่มขึ้นใหม่อีกทาง นอกจากธุรกิจยางพาราซึ่งปัจจุบันที่ยังไปได้ดี นี่ยังไม่นับรวมเงินปันผลที่จะได้จากลูกกตัญญูอย่าง STGT ที่ปีนี้จะมีเงินปันผลให้บริษัทแม่อีกเกือบๆ 1,500 ล้านบาทในปีนี้ เอาเป็นว่าจากนี้ไปต้องจับตาดู STA ให้ดีนะคะ ขยันเข็นสตอรี่ออกมาบ่อยๆ แบบนี้ โอกาสที่ราคาจะขึ้นไปถึง 60 บาทก็มีความเป็นไปได้เลยหละค่า         

 

>> DOHOME ขยับราคาขึ้นมาอย่างน่าสนใจโดยมีประเด็นที่นักวิเคราะห์มองว่าประมาณการกำไรปี 2564-2566 จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 11% สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้น หรือ GPM จากผลตอบรับที่ดีของแผนการเพิ่มสัดส่วนรายได้สินค้าที่มี GPM และแผนการขยายสาขาขนาดใหญ่ในปี 2565-2566 เพิ่มขึ้นเป็น 4-5 สาขา จากเดิม 3 สาขา และนักวิเคราะห์ยังมองอีกว่ากำไรสุทธิปี 2564 จะเพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ 1,086 ล้านบาท จากเดิม 1,010 ล้านบาท และปรับกำไรปี 2565 ขึ้น 10% อยู่ที่ 1,362 ล้านบาท รวมทั้งปรับกำไรปี 2566 ขึ้น 14% อยู่ที่ 1,594 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิปี 2564-2566 โตเฉลี่ยปีละ 30% นั่นเอง  

อย่างไรก็ตาม ราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ได้ให้เอาไว้ก็อยู่ที่ 20 บาทเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ราคาหุ้นหน้ากระดานของ DOHOME ก็ขยับสูงกว่า 20 บาทไปแล้ว ดังนั้น การที่โอกาสที่ราคาหุ้นจะข้ามไปต่ออีกตามทัศนของนักวิเคราะห์จึงแทบไม่เหลือช่องว่างให้เล่นอีกแล้ว เอาเป็นว่าระวังหน่อยนะคะ เพราะการดึงราคาหุ้นมาเล่นโดยการใช้แผนงานในอนาคตไกลๆ มาเล่นแบบนี้มันค่อนข้างเสี่ยงเจ้าค่ะ

>> ราคาหุ้นของ OR ขยันปรับร่วงลงวันละนิดวันละหน่อย ร่วงลงแม้กระทั้งในวันที่ MSCI ดึงเอาหุ้น OR เข้าไปเป็นหนึ่งในดัชนีที่ใช้ใรการคำนวน สาเหตุส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากกำไรของ OR ในปี 63 จะเหลือเพียง 8,791 ล้านบาท ลดลง 2,105 ล้านบาท ลดลง 19.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเฉพาะไตรมาส 4/63 OR มีกำไร 2,923 ล้านบาท ปรับลดลง 15.3% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้นของ OR ก็ยังไม่หลุดลงไปตํ่ากว่าราคาเปิดตัววันแรกที่ทำเอาไว้ 29.25 บาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในชื่อของหุ้นในตระกลู ปตท. ซึ่งเป็นหุ้นแม่อย่าง PTT ได้ทำเอาไว้อย่างยาวนาน และแน่นอนว่าหุ้นอย่าง OR ก็เป็นหุ้นดีอีกตัวหนึ่งที่เจ๊เมาธ์เห็นว่าน่าจะมีติดพอร์ตเอาไว้บ้าง ถึงแม้ว่าจะมีไม่มากก็ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นของที่ต้องมียังไงหละค่ะ

         

>> LEO ป็นอีกหนึ่งหุ้นที่เจ๊เมาธ์มองว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง LEO จะหลุดออกจากแคชบาลานซ์และจะกลับเข้ามาซื้อขายเป็นปกติในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งสาเหตุที่เจ๊เมาธ์มองว่าหุ้นตัวนี้น่าสนใจนั่นก็เพราะเจ๊ได้ข่าวมาว่าผลการดำเนินงานงวดปี 63 ที่ผ่านมาของ LEO น่าจะออกมาดีมาก เพราะถึงแม้ว่าในปี 63 ทั้งปีจะมีวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาที่ว่าก็ไม่ส่งผลกระทบกับ LEO เลยแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันกลับดูเหมือนว่าจะทำให้ LEO ได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการขนส่งสินค้าทางเรือซึ่ง LEO มีความชำนาญเป็นพิเศษที่ทำให้ต้องมีการจองตู้คอนเทนเนอร์ล่วงหน้าหลายเดือนทำให้ LEO มีงานแน่นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเจ๊แนะนำว่าให้จับตาดูหุ้นตัวนี้ให้ดีเลยค่ะ