ไทยเฮ เกาหลีใต้ ไฟเขียวส่งออกมะม่วงมหาชนก ครั้งแรก

25 ก.พ. 2564 | 09:10 น.

ข่าวดี “ไทย” เฮ ลั่น เกาหลีใต้ ไฟเขียว ไทยส่งออกมะม่วงมหาชนกครั้งแรก  คาดทำรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า  700  ล้านบาทต่อปี  

มนัญญา ไทยเศรษฐ์

 

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์  รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้รับรายงานข่าวดีจากนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร(กวก.) ในโอกาสที่สาธารณรัฐเกาหลี หรือเกาหลีใต้ได้อนุญาตให้ไทยส่งออกมะม่วงมหาชนกไปยังเกาหลีใต้ได้เมื่อ  23 ก.พ.  2564 ที่ผ่านมา  และจะส่งออกลอตแรกในวันที่ 24 ก.พ. 2564

 

ถือเป็นผลสำเร็จในการเจรจาของสองประเทศที่ใช้เวลาถึง  9 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเกษตรกรไทยที่จะมีตลาดคู่ค้าสินค้าเกษตรตัวใหม่ๆ ทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ขอฝากเกษตรกรให้ทำสินค้าให้มีคุณภาพที่ดีเพื่อรักษาตลาดส่งออก และจะเป็นโอกาสขยายไปยังตลาดในประเทศอื่นได้อีกในอนาคต

 

พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ

 

สอดคล้อง นายพิเชษฐ์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (กวก.)   เผยว่า ตั้งแต่ปี  2545 ไทยส่งออกมะม่วงไปเกาหลีใต้ได้เพียง  3 ชนิด คือมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงแรด มะม่วงหนังกลางวัน   และเมื่อปี  2554 ทางไทยได้เจรจาเพื่อขอเปิดตลาดมะม่วงมหาชนกกับทางเกาหลีใต้   จนเมื่อ 14 ธค. 63  เกาหลีใต้ได้แจ้งผลการพิจารณาเงื่อนไขนำเข้าผลมะม่วงสดร่วมทั้งพันธุ์มหาชนกจากไทยและได้ประกาศข้อกำหนดเงื่อนไขการนำเข้าอย่างเป็นทางการ

 

โดยให้กวก.แจ้งผลการตรวจรับรองสวนมะม่วงเพื่อการส่งออกตามข้อกำหนดของเกาหลีใต้และไทยที่ตกลงร่วมกัน ซึ่งกรมได้ส่งหนังสือและข้อมูลดังกล่าวตอบกลับไปเมื่อ 4ก.พ.2564 จนได้รับข่าวดีเมื่อ 23 ก.พ. 64  ทั้งนี้เกษตรกรและโรงงานที่จะส่งออกนั้นจะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรตามข้อตกลงร่วมกับเกาหลีใต้  ลอตแรกประเดิม   100 กิโลกรัม คาดว่าเร็วๆนี้จะมีคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ามา

มะม่วงมหาชนก

 

นางสาวชลธิชา รักใคร่ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและกักกันพืช กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่ามะม่วงมหาชนกที่จะส่งออกไปเกาหลีจะต้องผ่านการอบไอน้ำที่อุณภูมิ 40องศาเซลเซียส นาน20 นาที เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช  ทั้งนี้ผู้ต้องการส่งออกไปเกาหลีต้องขึ้นทะเบียนร่วมในโครงการ ส่งออกมะม่วงอบไอน้ำไปสาธารณรัฐเกาหลี    ปัจจุบันมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนแปลงจีเอพีเพื่อส่งออกร่วมในโครงการประมาณ  746 ราย  ทั้งนี้ในปี 2563 ไทยส่งออกมะม่วง 3 ชนิดปริมาณ  7,933  ตัน มูลค่าสูงถึง 739,615,892  บาท   ปัจจุบันมีผู้ประกอบการส่งออก 63 ราย และโรงงานอบไอน้ำ  12 รายเข้าร่วมโครงการ