ตลาดเซอร์วิสออฟฟิศบูม รองรับเทรนด์ธุรกิจสตาร์ต อัพ/บริษัทเกิดใหม่

25 เม.ย. 2559 | 06:00 น.
จับตาตลาดเซอร์วิส ออฟฟิศแนวโน้มเฟื่อง รับเทรนด์บูมธุรกิจสตาร์ต อัพ 2 บิ๊กบริษัทที่ปรึกษาอสังหาฯ ชี้เหตุธุรกิจใหม่เกิดมากขึ้น ซีบีอาร์อี คาดปีนี้ตลาดเติบโต 10% แนะผู้ประกอบการไทยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ หากต้องการสู้แบรนด์ต่างชาติและอยู่ในตลาดอย่างยั่งยืน ด้านคอลลิเออร์ส เผยโค-เวิร์กกิ้งสเปซมาแรง จับกลุ่มสตาร์ต อัพ

นายนิธิพัฒน์ ทองพันธุ์ กรรมการบริหารและหัวหน้าแผนกพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ตลาดเซอร์วิส ออฟฟิศ มีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งดูได้จากการขยายตัวของธุรกิจที่ให้บริการเซอร์วิส ออฟฟิศและบริษัทโอเปอเรเตอร์ สำหรับขนาดพื้นที่ของตลาดเซอร์วิส ออฟฟิศในปัจจุบันมีพื้นที่รวมมากกว่า 4 หมื่นตรม. ซึ่งมีทั้งบริษัทแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศ โดยพื้นที่มากกว่า 2 หมื่นตรม.เป็นของบริษัทรีจัสฯ ที่ให้บริการแบบครบวงจรทั้งออฟฟิศสำเร็จรูปพร้อมเข้าใช้งาน ออฟฟิศเสมือนจริง ซึ่งให้บริการเช่าที่อยู่ไปรษณีย์ พร้อมรับโทรศัพท์ในนามบริษัท สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเช่าออฟฟิศจริงๆ หรือทำงานจากที่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีบริการห้องประชุมให้เช่าแบบรายชั่วโมงหรือรายวัน

กลุ่มลูกค้าหลักของตลาดเซอร์วิส ออฟฟิศได้แก่ บริษัทจัดตั้งใหม่และบริษัทที่ต้องการขยายบริษัท แต่ไม่ต้องการเช่าพื้นที่แบบถาวร ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 50:50 สำหรับอัตราการใช้พื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70-80% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของอาคารสำนักงานที่ให้เช่าพื้นที่ แต่สำหรับอาคารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวก และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพก็จะมีอัตราการใช้พื้นที่มากกว่า 90% โดยคิดอัตราค่าใช้บริการอยู่ที่ประมาณ 5,000-15,000 บาทต่อธุรกิจต่อเดือน

" คาดว่าตลาดเซอร์วิส ออฟฟิศ ในปี 2559 จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% โดยมีปัจจัยการเติบโตหลักมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับการการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจมากขึ้น แม้ว่าตลาดจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีการแข่งขันที่สูงเช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้ที่จะสามารถดำเนินธุรกิจนี้เติบโตได้ในระยะยาวจะต้องพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพระดับมาตรฐานสากล" นายนิธิพัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ยังเริ่มเห็นแนวโน้มของการทำงานแบบโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ หรือการใช้พื้นที่ในการทำงานตามสถานที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการรายหลายก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกับธุรกิจประเภทนี้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่จะต้องทำควบคู่กับธุรกิจอื่น เช่น ร้านกาแฟ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในการทำธุรกิจ

สอดคล้องกับ นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่กล่าวว่า อาคารสำนักงานเกรด A ในเขต CBD และในอาคารสำนักงานใหม่ในพื้นที่รอบๆ สถานี BTS และ MRT ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการจัดตั้งสำนักงาน แต่ด้วยค่าเช่าพื้นที่ต่อตรม.ที่มีราคาค่อนข้างสูง เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของบริษัทธุรกิจขนาดเล็ก หรือสตาร์ต อัพที่มีพนักงานเพียงแค่ 1 – 3 คน ประกอบกับธุรกิจสตาร์ต อัพหลายรายที่ประกอบธุรกิจที่บ้านเริ่มมีความต้องการที่ทำงานที่เป็นทางการมากขึ้นขณะเดียวกันก็ต้องมีความสะดวกและมีภาพลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพ ส่งผลให้เซอร์วิสออฟฟิศ หรือออฟฟิศเสมือนมีอัตราการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

"แต่ในปัจจุบันกลับพบว่ามีอีกหนึ่งรูปแบบสำนักงานที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ การทำงานแบบโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ที่เหมาะสำหรับบางธุรกิจหรือบางสตาร์ต อัพ รวมทั้งกลุ่มคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ กลุ่มคนที่ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลักเลือกจะทำงานในโค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายแห่งในกรุงเทพฯ และอีกหลายแห่งทั่วประเทศไทย เพราะโค-เวิร์กกิ้งสเปซมีค่าเช่าที่ต่ำกว่ามาก อีกทั้งยังสามารถเช่าเป็นรายวันได้ แต่อาจติดขัดในเรื่องของสถานที่ตั้ง ที่จอดรถ และการระบุสถานที่ทำงานไม่เหมือนกับเซอร์วิสออฟฟิศที่สามารถระบุว่าเป็นที่อยู่ของบริษัทได้เลย แต่โค-เวิร์กกิ้งสเปซมีความน่าสนใจกว่าตรงที่ระยะเวลาเช่า ค่าเช่าต่างๆ ยืดหยุ่นกว่ามากเหมาะกับบางธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องเจอกันทุกวัน ซึ่งปัจจุบันโค-เวิร์กกิ้ง สเปซในกรุงเทพฯได้รับความนิยมในระดับหนึ่งในบางทำเลโดยเฉพาะทำเลที่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ" นายสุรเชษฐ กล่าว

ทั้งนี้ จากการรวบรวมของฐานเศรษฐกิจ พบว่า ปัจจุบันการทำงานแบบ โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ขยายสู่แหล่งชุมชนมากขึ้น อาทิ ร้านกาแฟ ล่าสุด บริษัท ฮับบาโตะ ไทยแลนด์ จำกัด ได้ขยายสู่คอมมูนิตี้ รีเทล มอลล์ ฮาบิโตะ ที่พัฒนาโดย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนทำงานสมัยใหม่ ที่ใช้เวลาในออฟฟิศน้อยลง แล้วหันมาเป็นสตาร์ต อัพหรือฟรีแลนซ์มากขึ้น บนพื้นที่ 2 ชั้นรวมกว่า 700 ตรม. ซึ่งจะเปิดให้บริการช่วงกลางปี 2559

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,151 วันที่ 24 - 27 เมษายน พ.ศ. 2559