ดาวโจนส์ปิดบวก 27 จุด กังวลผลกระทบของบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น

22 ก.พ. 2564 | 23:47 น.

ดาวโจนส์ปิดบวก 27.37 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนกังวลผลกระทบของบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหนักสุด และเป็นปัจจัยฉุดดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2.4% อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเกือบ 4%  

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,521.69 จุด เพิ่มขึ้น 27.37 จุด หรือ +0.09% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,876.50 จุด ลดลง 30.21 จุด หรือ -0.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,533.05 จุด ลดลง 341.42 จุด หรือ -2.46%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.375% เมื่อคืนนี้ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่บริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน         

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.47% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.69% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 5.08% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.13%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยหุ้น Zoom Video Communications ร่วงลง 5.49% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 2.68% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.95% หุ้นอินเทล ร่วงลง 3.65% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.65%

หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.11% หลังจากสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์สประกาศระงับใช้เครื่องบินโบอิ้ง 777 ชั่วคราว ภายหลังจากเกิดเหตุเครื่องยนต์ระเบิดจนทำให้ต้องร่อนลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 21.05% หลังกู๊ดเยียร์ประกาศแผนซื้อกิจการบริษัทคูเปอร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ในวงเงิน 2.5 พันล้านดอลลาร์

หุ้นกลุ่มธนาคารได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.77% หุ้นเจพีมอร์แกน บวก 0.94% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.4%          

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ และแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ โดยถ้อยแถลงของนายพาวเวลครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากนักลงทุนกำลังกังวลว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และตัวเลขเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจผลักดันให้เฟดยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เฟดสาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสพุ่งขึ้นสู่ระดับ 19.9 ในเดือนก.พ. จากระดับ 4.6 ในเดือนม.ค.

ด้านเฟดสาขาชิคาโกเปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.66 ในเดือนม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.15 จากระดับ 0.41 ในเดือนธ.ค. โดยการดีดตัวของดัชนีได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของยอดขายบ้านและการบริโภค

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.