เอกชนห่วงส่งออกไทย จี้รัฐ แก้ปัญหาค่าบาทด่วน

19 ก.พ. 2564 | 14:29 น.

เอกชนห่วงธุรกิจส่งออกอาหารไทยทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ยังไม่ฟื้น จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาค่าบาทไทย อุปสรรคใหญ่ของไทยปีนี้

นายพจน์  อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์ธุรกิจส่งออกอาหารของไทยทั้งระยะสั้น กลาง ยาว โดยสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขระยะสั้น คือ ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าเพราะเป็นอุปสรรคอย่างมากในการส่งออกของไทยวันนี้ควรประคองให้ค่าเงินอยู่ที่ 31.50-32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จึงจะแข่งกับประเทศอื่นได้ รวมทั้งแก้ไขปัญหาโลจิสติกส์และการขนส่งทางเรือ คอนเทนเนอร์ที่ขาดแคลน และแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการขนส่ง รวมทั้งข้อตกลงทางการค้าต่าง ๆ ที่ต้องเร่งทำข้อตกลงเพราะไทยมีเพียงข้อตกลงอาร์เซป แลระยังเสียอัตราภาษีที่เคยได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีหรือจีเอสพี รวมทั้งเอฟทีเอที่ไทยยังไม่ได้ลงนามกับหลายประเทศ ก็ยิ่งทำให้ไทยสูญเสียความสามารถด้านการแข่งขัน

นายพจน์  อร่ามวัฒนานนท์ รองประธาน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ส่วนในระยะกลางมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ ที่ไทยนำเข้าเป็นส่วนใหญ่เช่น ทูน่าที่ไทยต้องนำเข้า 90% เพื่อแปรรูปส่งออกไปต่างประเทศ รวมทั้งกุ้ง หมึก  ซึ่งภาครัฐต้องสนับสนุนทั้งสองทางคือทั้งการนำเข้าและส่งออกเพราะประเทศไทยต้องการเป็นครัวของโลกซึ่งจะเป็นไม่ได้หากขาดแคลนวัตถุดิบ ประเทศไทยมีความชำนาญด้านการแปรรูปอาหารโดยต้องมีความชัดเจนว่าจะนำเข้าสินค้าเกษตรมาเพื่ออะไรเพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรภายในประเทศ ซึ่งภาคเอกชนขออนุญาตมานานแต่ไม่ได้รับการอนุญาต เพราะห่วงเรื่องโรคติดต่อและกระทบต่อเกษตร      

ส่วนปัญหาระยะยาวรัฐบาลต้องศึกษาความได้เปรียบเสียเปรียบโอกาสของประเทศเทียบกับทั่วโลก ทั้งด้านวัตถุดิบ การแปรรูป โดยเฉพาะสินค้าที่ผ่านการแปรรูปแล้ว และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตจะเป็นอย่างไรในอนาคตรัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนทั้งระบบ เพื่อให้เอกชนมีเข็มทิศที่เดินไปไ

“ไทยหมดเวลาแล้วที่จะบอกว่าเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก ไม่สามารถนั่งอยู่จมกับอดีตที่หอมหวนอีกต่อไปได้น่ากลัวมากที่เราตกอันดับจากประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับที่  11 เป็นอันดับที่ 13 ของโลกภายในปีเดียวและรัฐบาลควรกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารได้แล้ว” นายพจน์ กล่าว 

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนของไทยที่ทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่งเป็นอะไรที่เอกชนไม่สามารถยอมรับได้ยอดส่งออกในบางตลาดก็ลดต่ำลงคือตลาดยุโรปที่ไทยสูญเสียสิทธิจีเอสพีไปแล้วทำให้ประเทศที่ยังได้สิทธินี้และมีการลงนามเอฟทีเอส่งออกได้มากขึ้น เท่ากับว่าไทยสูญตลาดในส่วนนี้ไปอย่างมาก   และหากปัญหาต่าง ๆที่ภาคเอกชนไม่ได้รับการแก้ไขก็จะทำให้ไทยตกขบวนการเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารหรือแม้กระทั่งการเป็นครัวของโลกไปให้กับประเทศคู่แข่ง คือ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย เพราะประเทศเหล่านี้มีข้อตกลงทางการค้าเยอะมาก มีการนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาแปรรูปและส่งออกจำนวนมาก