KISS พร้อมเทรด 19 ก.พ. 64

18 ก.พ. 2564 | 13:36 น.

KISS พร้อมซื้อขายในตลท. วันที่ 19 ก.พ. 64 ราคาหุ้นละ 9.00 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 540 ล้านบาท ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 5,400 ล้านบาท

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) (KISS) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “KISS” ในวันที่19 กุมภาพันธ์ 2564 

 

KISS ประกอบธุรกิจพัฒนา จ้างผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจและการตลาดสำหรับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทในต่างประเทศด้วย สินค้าของบริษัทอยู่ภายใต้ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ 5 แบรนด์หลัก กว่า 200 SKUs ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “Rojukiss”  “PhDerma/PhD K-Derma” “Wonder Herb”  and “Best Korea” 2) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง “Sis2Sis” 3) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร“Rojukiss”  

 

ในวันแรกของการเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ KISS มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 152.64 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 60 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Aurora Asia Holdings Pte. Ltd. จำนวน 92.64 ล้านหุ้น เสนอขายให้บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคล ผู้มีอุปการคุณของบริษัท กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท ในราคาหุ้นละ 9 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 540 ล้านบาท (ไม่รวมการเสนอขายหุ้นสามัญเดิม) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,400 ล้านบาท โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นางวรวรรณ ไชยกำเนิด กรรมการผู้จัดการ KISS ว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความงามและสุขภาพของไทยและภูมิภาคเอเชีย การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ มีแผนงานที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ เพื่อบรรลุเป้าหมาย และสนับสนุนให้บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ในประเทศไทย ขยายฐานลูกค้าและช่องทางการขายตรงแก่ผู้บริโภค ขยายธุรกิจในต่างประเทศ อีกทั้งนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาช่วยพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง บริษัทฯ มีแผนที่จะสร้างฐานข้อมูลของผู้บริโภคและการพัฒนา Mobile Skin Analysis เครื่องมือในการวิเคราะห์สภาพผิว แนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผ่านการเชื่อมต่อช่องทาง E-commerce ได้อีกด้วย