ยุคทองของหุ้น IPO

19 ก.พ. 2564 | 01:30 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3655 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 21-24 ก.พ.2564 By…เจ๊เมาธ์

 

>>   หุ้น IPO ของตลาดหุ้นไทยดูเหมือนว่าจะถูกปลุกกระแสขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่หุ้นตัวใหญ่อย่าง OR (บมจ.ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก) ซึ่งขาย IPO จำนวนถึง 3,000 ล้านหุ้น ได้เข้ามาสร้างปรากฏการณ์การเป็นหุ้น “มหาชน” ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนทั่วไปอย่างล้นหลาม เพราะเพียงแค่วันแรกราคาหุ้นของ OR ก็ถูกดันขึ้นไปปิดตลาดสูงถึง 62.50% และยังปรับบวกต่อในวันที่ 2 ของการซื้อขายขึ้นไปอีก 16.24% จนราคาหุ้น OR สามารถขยับขึ้นไปชนราคาสูงสุดที่ 36.50 บาท ขณะที่หุ้น IPO ตัวเล็กอีกตัวที่เข้าตลาดตามหลัง OR มาติดๆ นั้นก็คือ TQR (บมจ. ที คิว อาร์) หุ้นตัวเล็กที่มีปริมาณหุ้น IPO เพียงแค่ 60 ล้านหุ้น ก็สามารถเข้ามาปิดตลาดการซื้อขายวันแรกจากราคา IPO = 5.10 บาท ด้วยการวิ่งชนราคาซิลลิ่ง (+200%) ที่ราคาปิดตลาด 15.30 บาท และยังทำราคาชนซิลลิ่ง (+30%) ในการซื้อขายวันที่ 2 ด้วยราคา 19.80 บาท ได้อีกด้วย  

>>  จากนี้ต่อไปก็คงจะต้องตามดู KISS (บมจ.โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล) หุ้น IPO ตัวต่อไปที่จะเข้าตลาดฯ ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน แน่นอนว่าอาจจะไปไม่ได้ไกลเท่ากับ TQR เพราะจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายของ KISS มีจำนวนมากถึง 152,641,600 หุ้น ที่ราคา IPO = 9.00 บาท  อย่างไรก็ตามถึงแม้จำนวนหุ้นจะมีมากกว่า แต่ก็ไม่แน่ว่า KISS ก็อาจจะทำได้ดีไม่น้อยไปกว่า TQR ก็เป็นได้ เจ๊เมาธ์บอกเลยว่าตอนนี้ยุคทองของหุ้น IPO ของไทยได้กลับมาแล้วเจ้าค่ะ
     

>> ราคาหุ้นของ VL ขยับขึ้นมาอย่างโดดเด่นอีกครั้งหลังจากที่คุณพี่ “ชุติภา กลิ่นสุวรรณ” ได้ออกมาเปิดเผยว่าบริษัทได้เซ็นต์สัญญากับ บมจ.ปตท. ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน VL ก็กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับ กลุ่ม PTT เพิ่มเติมอีกด้วย ในขณะที่เรือลำใหม่ขนาด 2,800 เดทเวทตัน ก็จะเข้ามาประจำการในเดือน มีนาคม-เมษายน ที่จะถึงนี้ ซึ่งการได้ลูกค้าอย่าง ปตท. เข้ามาเป็นลูกค้ารายใหม่ที่ใช้เรือถึง 2 ลำ จากที่มีอยู่ 13 ลำ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ VL ซึ่งนักวิเคราะห์ได้มองราคาเป้าหมายของ VL เอาไว้สูงถึง 3 บาทเลยทีเดียว บริษัทเดินเรือรายนี้มีพัฒนาการที่น่าสนใจจริงๆ นะคะ เพราะถ้าไม่ดีเจ็เมาธ์ก็คงไม่เอามาเล่าให้ฟังแน่นอนค่ะ

>>  STA ราคาวิ่งกระฉูดหลังจากที่มีกำไรสุทธิ 9.53 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,517% หลังทำกำไรนิวไฮทุกไตรมาส โดยไตรมาส 4/63 มีกำไรสุทธิ 5.49 พันล้านบาท เติบโต 7,330% พร้อมปันผลอีก 1.75 บาท/หุ้น และจะขึ้น XD 12 เม.ย.64 ในขณะที่บริษัทลูกอย่าง STGT ทำผลงานปี 63 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีกำไรสุทธิ 1.44 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,171% ส่วนไตรมาส 4/63 มีกำไรสุทธิ 8.5 พันล้านบาท เติบโต 4,606.2% ประกาศปันผลอีก 2 บาท/หุ้น ขึ้น XD 12 เม.ย.64 ซึ่งแน่นอนว่า STA ในฐานของบริษัทแม่ที่ถือหุ้นของ STGT จำนวน 725,037,300 หุ้น คิดเป็น 50.75% ก็ต้องได้รับอานิสงส์จากเงินปันผล 2 บาทต่อหุ้นนี้ด้วยเช่นกัน และนี่จึงเป็นสาเหตุที่เจ๊เมาธ์เคยบอกว่าหุ้นแม่ลูกคู่นี้คบได้ยังไงหละค่ะ 
   

>>  อย่าได้แปลกใจที่ทำไมหุ้นน้องใหม่อย่าง TQR (บมจ. ที คิว อาร์) นอกจากมีชื่อย่อหุ้นในการซื้อขายคล้ายกับ TQM (บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น) แล้วก็ยังทำธุรกิจที่คล้ายกันอีกด้วย โดย TQR ประกอบธุรกิจ ให้บริการเป็นนายหน้าในการจัดหาประกันภัยต่ออย่างครบวงจร ด้วยการให้คำปรึกษาแก่ บริษัท ประกันภัย เพื่อจัดหาประกันภัยต่อที่เหมาะสมจากบริษัทรับประกันภัยต่อ ขณะที่ TQM ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการนายหน้าประกันภัย และสิ่งที่ทั้ง TQR และ TQM มีเหมือนกันอย่างแน่นอนนั่นก็คือการมีครอบครัว “พรรณิภา” คือ นายอัญชลิน พรรณนิภา และ นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้น TQM ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน TQR ในสัดส่วน 44.3% อีกด้วยนั่นเอง ดังนั้นเชื่อได้แน่ว่า TQR นั้นไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่า TQM ประสบความสำเร็จได้อย่างไร TQR ก็คงจะทำได้ไม่ต่างกันนั่นเองเจ้าค่ะ