เกาะติดคณะราษฎร "ซักฟอกรัฐบาลนอกสภา" 16-19 ก.พ.

16 ก.พ. 2564 | 05:37 น.

มาแล้วตามนัด หลังประกาศหน้าสน.ปทุมวันเมื่อค่ำวันที่ 10 ก.พ. ในกิจกรรม “รวมพลคนไม่มีกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” ว่า จะกลับมาเปิดอภิปรายรัฐบาล “นอกสภาฯ” ระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมคู่ขนานไปกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในช่วงเวลาเดียวกัน

เช้าวันนี้ (16 ก.พ.) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เริ่ม กิจกรรมอภิปรายนอกสภา แล้ว โดยวัตถุประสงค์ของการนัดจัดกิจกรรมครั้งนี้ ก็เพื่อตอกย้ำ 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่ม คือ

 

น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

1.ขับไล่ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และองคาพยพ

2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 

3.ปฏิรูปสถาบันฯให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังเพื่อเรียกร้องให้รัฐปล่อยตัว 4 แกนนำที่ถูกตำรวจจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้

“ฐานเศรษฐกิจ” จะติดตามนำเสนอความคืบหน้าของสถานการณ์และอัพเดทข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โปรดติดตาม  

 

วันที่ 16 ก.พ. 

น.ส.ปนัสยา ประกาศเดินสายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ประกอบด้วยศาลรัฐธรรมนูญ กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่น “จดหมายเปิดผนึก” ถึงผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เรียกร้องให้มีความเป็นกลางในการพิจารณาและดำเนินคดีความ โดยระลึกถึงประชาชนอยู่เสมอ และธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรม

สืบเนื่องจากการที่พนักงานอัยการสั่งฟ้องแกนนำ 4 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ( เพนกวิน) นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงก์) กรณีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

 

เวลาประมาณ 12.00 น. น.ส. ปนัสยา เดินทางถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนอ่านจดหมายเปิดผนึก ซึ่งเนื้อหาระบุ ว่า

จดหมายเปิดผนึกถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ส่วนหนึ่งของจดหมายระบุ ประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกันชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1.ขับไล่ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และองคาพยพ 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.ปฏิรูปสถาบันฯให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ไปสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะจะเกิดความเท่าเทียมกันทั้งในศักดิ์ศรี และโอกาสของประชาชนทุกคน

แต่สิ่งที่เลวร้ายและขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนมากที่สุดก็ คือ การปฏิเสธสิทธิ ไม่ให้ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายปติวัฒน์ สหรายแย้ม ได้รับการประกันตัว หลังถูกควบคุมตัวในข้อหากระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 จนเป็นเหตุให้แกนนำราษฎรทั้ง 4 คน ยังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

 

หลังจากนั้น ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า  เตรียมใจไว้แล้วที่จะเดินทางไปฟังคำสั่งอัยการคดีเดียวกันในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) เพราะตนเองมีธงชัดเจนแล้วที่จะถูกคุมขัง แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎรที่จะเดินหน้าต่อไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ส่วนเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและไม่สามารถควบคุมได้ หลังจากนี้แกนนำจะมีมาตรการที่รัดกุมมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้อีก ขณะเดียวกันกลุ่มราษฎรเตรียมจัดกิจกรรมอภิปรายนอกสภาในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนการนัดชุมนุมในวันที่ 20 ก.พ.จะมีขึ้นอย่างแน่นอนแต่ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้

บริเวณด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 16 ก.พ. 2564

ช่วงสาย ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งเป็นอีกจุดที่กลุ่มของน.ส.ปนัสยา ประกาศว่าจะเดินทางมา ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน มาดูแลความเรียบร้อยบริเวณทางเข้า พร้อมวางแผงเหล็กกั้น ซึ่งขณะนี้ประตูทางเข้าออกทั้งสองฝั่งยังไม่มีการปิดประตูรั้ว นอกจากนี้ มีกำลังตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มาประจำอยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมรถเครื่องขยายเสียงไว้จำนวน 1 คัน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยสถานที่

เกาะติดคณะราษฎร "ซักฟอกรัฐบาลนอกสภา" 16-19 ก.พ.

วันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 09.00 น. ที่บริเวณลานอนุสรณ์วีรชนคนโคราช ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา มี “กิจกรรมคู่ขนาน” จัดโดยคณะราษฎร นำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมด้วยแนวร่วมกลุ่มพีเพิลโก (PEOPLE GO) กว่า 100 คน รวมกลุ่มกันเดินเท้าระยะทางไกล มีจุดหมายคือทำเนียบรัฐบาล ภายใต้ชื่อกิจกรรม "เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน" เพื่อขับไล่รัฐบาล และเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำคณะราษฎร 4 คน ที่ถูกคุมขังและไม่ได้รับการประกันตัว

การเดินเท้าระยะทางไกลเพื่อประท้วงรัฐบาลครั้งนี้ มีนางสาวทราย เจริญปุระ ผู้สนับสนุนหลักของกลุ่มคณะราษฎร ร่วมเดินอยู่ในขบวนด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองนครราชสีมา ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 40 นาย กระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย

การเดินเท้าทางไกลครั้งนี้จุดหมายปลายทางคือ ทำเนียบรัฐบาล

กิจกรรมคู่ขนาน นำโดยไผ่ ดาวดิน ที่จ.นครราชสีมา

ก่อนการเดินขบวน ได้มีการอ่านแถลงการณ์วัตถุประสงค์ของการเดินทาง ซึ่งก็คือการปล่อยตัวแกนนำ 4 คน และย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อของคณะราษฎรดังระบุไปแล้วข้างต้น จากนั้นคณะทั้งหมดได้จัดขบวนเดินไปบนถนนราชดำเนิน เลี้ยวเข้าสู่ถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร โดยมีการถือธงสีส้มที่ข้อความว่า "ปล่อยเพื่อนเรา และต้องไม่จับเพิ่ม" โบกไปตลอดเส้นทาง

นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" กล่าวว่า กิจกรรม"เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน" มีกำหนดจะเดินทางเป็นระยะทาง 247.5 กิโลเมตรจากโคราชถึงกทม. เฉลี่ยวันละ 16 กิโลเมตร โดยใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น 15 วัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดศึกซักฟอก“นายกฯ - 9 รมต.”วันนี้ จัด 38 ขุนพลถล่ม

ประมวลภาพ "ม็อบราษฎร" ตีหม้อไล่เผด็จการ จากสกายวอล์กสู่สน.ปทุมวัน และป้ายหน้า 16-19 ก.พ.