เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 29.89 บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน ประเมินกรอบเงินบาทระหว่างวัน 29.80-30.00 บาทต่อดอลลาร์
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน EASY INVEST บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS)ระบุว่าในช่วงคืนที่ผ่านมา ตลาดฝั่งสหรัฐหยุดทำการขณะที่ฝั่งยุโรปเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปรับตัวขึ้น 1.32% ด้วยแรงหนุนของหุ้นขนาดเล็กในหลายประเทศ ขณะที่ FTSE 100 ของกฤษปิดบวกถึง 2.52% ดีที่สุดในรอบเดือนด้วยความหวังกับการผลิตและแจกจ่ายวัคซีนที่รวดเร็วกว่าคาด
ภาพตลาดดังกล่าวหนุนให้บอนด์ยีลด์ฝั่งยุโรปปรับตัวขึ้นตามฝั่งสหรัฐ ล่าสุดยีลด์เยอรมันอายุสิบปีขยับขึ้นมาที่ -0.38% สูงที่สุดในรอบเก้าเดือน พร้อมกับส่วนต่างระหว่างยีลด์เยอรมันและอิตาลีอายุสิบปี ที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 90bps ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016 ชี้ว่าตลาดเชื่อมั่นกับความเป็นสหภาพยุโรปมากขึ้น
เช่นเดียวกับในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.97% ยืนเหนือระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้อีกครั้ง สวนทางกับราคาทองคำที่อ่อนค่าลง 1.29% มาที่ระดับ 1816 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากยีดล์ที่ปรับตัวสูงขึ้น และนักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดสัปดาห์ไม่คึกคักหลังรายงานตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาสสี่หดตัวต่อเนื่อง 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ในระยะสั้นก็มีประเด็นการเมืองกดดันเพิ่มขึ้นทำให้เงินบาททรงตัวแม้จะมีเงินทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ในระยะถัดไป เชื่อว่าต้องติดตามทิศทางของตลาดทุนและแนวโน้มนโยบายการคลังของสหรัฐ ถ้าตลาดยังคงเปิดรับความเสี่ยงและมีการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่เข้ามาสนับสนุน ก็มีโอกาสเห็นเงินดอลลาร์อ่อนค่าได้ต่อเนื่อง
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเช้านี้ (16 ก.พ.) ปรับตัวอยู่ใกล้ๆ ระดับประมาณ 29.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องจับตาสัญญาณการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นและสกุลเงินในภูมิภาค ตามแรงหนุนของสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวมจากความหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเด็นด้านบวกจากวัคซีนต้านโควิด 19
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 29.80-30.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 4/2563 ของยูโรโซน และผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตเดือนก.พ. โดยเฟดสาขานิวยอร์ก