อยากสำเร็จร่ำรวยต้องทำอย่างไร

ส่วนตัวผมเขียนหนังสือธรรมะมากว่า 400 เล่ม โดยเริ่มเขียนตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 หนังสือธรรมะเล่มแรกที่ผมเขียน ชื่อมรรคผลไม่พ้นสมัย เล่มนี้ไม่ได้จำหน่าย นำขึ้นทูลเกล้า ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อพระราชทานตามพระราชอัธยาศัย

จากนั้นผมก็เขียนหนังสือธรรมะให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆมากมาย การเรียนรู้ศึกษาข้อธรรมของพระพุทธเจ้าทำให้ผมเข้าใจธรรมะ ว่าแท้จริงแล้วพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ใครยากจน พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า ความจนเป็นทุกข์อย่างยิ่ง การมีหนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง ประโยคนี้คงชัดเจนว่าเราควรมีชีวิตอย่างไร แทบจะไม่ต้องแปลเลยอะไรเลย

หลายท่านคงจำกันได้ว่าพระพุทธเจ้า ทรงสอนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า มนุษย์ทั้งหลายควร ปฏิบัติข้อธรรม ดังนี้

1.ทาน การให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ มักจะได้สิ่งที่ดีๆและยิ่งใหญ่กับมาเสมอ มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง ของโลกนี้แต่ถ้าคุณให้แล้วหวังว่าจะต้องได้อะไรกลับคืนมาคุณมักจะไม่ได้หรือได้น้อยกว่าที่คิด

2.ศีล เป็นสิ่งที่มนุษย์ควรจะมีเพราะมันเป็นความเป็นปกติของชีวิต ถ้าใครไม่มีศีล ชีวิตจะไม่ปกติ คำสรุปของศีล เวลาที่เรารับมาจากพระภิกษุสงฆ์ ถ้าแปลเป็นไทยก็คือศีลทำให้มีโภคทรัพย์สมบัติมากมาย ศีลทำให้ถึง ข้อธรรมชั้นสูงที่สุขคติ เป็นต้น

3.ภาวนา คือ การมีสติมีความรู้สึกตัว เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณเกิดความสงบตั้งมั่นและมีปัญญา เริ่มจากปัญญาในการใช้ชีวิตปัญญาในการทำมาหากินและหรือถ้าเราฝึกไปถึงขั้นสูงก็จะเกิดปัญญาที่เป็นดวงตาเห็นธรรม ก็อยู่ที่เราเลือกว่าเราจะใช้ ตัวเราปฏิบัติเพื่อวัตถุประสงค์อะไร

ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิดว่าถ้าศึกษาธรรมะปฏิบัติธรรม อย่าไปพึงปรารถนาที่จะรวย ซึ่งอันนี้เป็นแนวคิดที่ผิดมาก เรื่องความร่ำรวยการมีชีวิตที่สำเร็จในทางโลก เป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์ทุกคน เพราะถ้าคุณมีโภคทรัพย์สมบัติคุณก็สามารถดูแลอุปถัมภ์ค้ำจุนพระศาสนาให้มั่นคงได้ให้พระเถระเณรชีสะดวกสบายได้ในการดำรงตนเพื่อบำเพ็ญสมณเพศ และตัวคุณก็จะได้กุศลด้วย

จำไว้นะครับพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ใครจน แต่จำไว้นะครับว่าพระพุทธเจ้าให้เราใช้จ่ายตามความเหมาะสมแก่ฐานะของตน เรียกว่า สมชีวิตา

จากนั้นเรียนรู้ธรรมะต้องเข้าใจธรรมะให้ถูกต้อง ถ้าเข้าใจผิดเราก็จะมองว่าคำสอนของพุทธศาสนาเป็นคำสอนโบราณคร่ำครึ ที่ไม่สามารถนำเอามาใช้ได้จริงกับชีวิต เมื่อไหร่ที่เรามีความคิดแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า เราเดินหลงและผิดทางแล้ว