อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ 29.99 บาทต่อดอลลาร์ " แข็งค่า"จากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ 30.03 บาทต่อดอลลาร์ ประเมินกรอบเงินบาทระหว่างวัน 29.90-30.10 บาทต่อดอลลาร์
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน EASY INVEST บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS)ระบุว่าตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง (Risk On) ในคืนที่ผ่านมา นำโดยดัชนี S&P 500 ของสหรัฐที่บวกขึ้นได้ 0.74% จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นขนาดเล็ก ตามมาด้วยดัชนี STOXX 600 ของยุโรปที่ปรับตัวขึ้น 0.32% โดยนักลงทุนเชื่อมั่นกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและกลับเข้าสู่กลุ่ม Cyclical
ส่วนในตลาดเงิน ดอลลาร์อ่อนค่าลง พร้อมกับบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุสิบปีที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมาที่ระดับ 1.16% สะท้อนความเชื่อมั่นกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันระดับสภาพคล่องที่สูงก็หนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาทองคำยังคงยืนเหนือระดับ 1830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนในระยะสั้น นักลงทุนก็เน้นเก็งกำไรโดยราคาบิทคอยน์ขยับตัวขึ้นสู่ระดับ 44,000 ดอลลาร์ หลังเข้าบริษัท Tesla ซื้อเพื่อไปเป็นส่วนหนึ่งของงบบริษัท
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทและสกุลเงินเอเชียระยะสั้นดูจะไม่คึกคักเท่าในฝั่งสหรัฐ และโดยรวมยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แม้ช่วงสั้นจะเห็นนักลงทุนต่างชาติทยอยขายตราสารหนี้ และกลับเข้าซื้อหุ้นไทยบ้าง แต่เชื่อว่าระยะถัดไป ต้องสามารถยกเลิกล็อคดาวน์ได้ก่อน ถึงจะเป็นประเด็นที่หนุนให้เงินบาทสามารถแข็งค่าต่อไปได้
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเช้านี้ (9 ก.พ.) ขยับ “แข็งค่า”มาที่ 29.97 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 30.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยภาพรวมสกุลเงินเอเชีย และเงินบาท ขยับแข็งค่าขึ้น หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย ยังถูกเทขายสวนทางสินทรัพย์ปลอดภัยที่ยังได้รับอานิสงส์จากการเร่งกระบวนการในสภาคองเกรสเพื่อให้มาตรการเยียวยาผลกระทบโควิดของสหรัฐฯ ออกมาได้โดยเร็ว
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 29.90-30.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด 19 ของสหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงาน ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนธ.ค.