ดาวโจนส์ปิดบวก 92 จุด ในรอบสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้น 3.9%

05 ก.พ. 2564 | 23:51 น.

ดาวโจนส์ปิดบวก 92.38 จุด หวังข้อมูลจ้างงานต่ำเร่งการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 3.9%

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ, การเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 แม้ตลาดผิดหวังที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดก็ตาม
          

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,148.24 จุด เพิ่มขึ้น 92.38 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,886.83 จุด เพิ่มขึ้น 15.09 จุด หรือ +0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,856.30 จุด เพิ่มขึ้น 78.55 จุดหรือ +0.57%
          

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 3.9%, ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.6%  และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 6%
          

ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการบวกขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2563 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี Nasdaq ปิดตลาดทำสถิติสูงสุดเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
          

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก ซึ่งหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้นนำตลาดโดยบวก 1.71% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหุ้นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวลง 0.22%
          

การเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดในเดือนม.ค.ได้บ่งชี้ถึงความจำเป็นที่รัฐบาลสหรัฐจะต้องเร่งให้ความช่วยเหลือมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 49,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อาจเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง
          

ส่วนอัตราการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 6.3% ในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อาจทรงตัวที่ระดับ 6.7%
          

ตลาดได้แรงหนุนจากความคืบหน้าเกี่ยวกับกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมที่จะทำการลงมติแผนงบประมาณ ซึ่งจะอนุญาตให้มีการอนุมัติกฎหมายดังกล่าวได้ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้โดยที่พรรครีพับลิกันไม่ได้ให้การสนับสนุน    

 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่บรรดาบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2563 ที่แข็งแกร่งเกินคาดด้วย
          

ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้รวมถึงการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ พุ่งขึ้น 17.7% สู่ระดับ 6.787 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อกระแสการค้าทั้งในภาคสินค้าและบริการ
          

ทั้งนี้ การส่งออกทรุดตัวลง 15.7% ในปี 2563 แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2553 ขณะที่การนำเข้าร่วงลง 9.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี